สีขึ้นแท่นบุคคลเอเชียแห่งปี
ประธานาธิบดีสีจิ้นผิงของจีนได้รับการยกย่องจากสำนักข่าวสเตรทไทม์ในสิงคโปร์ให้เป็น บุคคลในเอชียแห่งปี นับเป็นครั้งแรกที่คนเดิมจะได้รับรางวัลนี้ซ้ำอีกเป็นครั้งที่สอง
ประธานาธิบดีสี ในวัย 64 ปี ได้รับเลือกจาก ศักยภาพในการเป็นแหล่งของเสถียรภาพที่สำคัญในช่วงเวลาของความผันผวนครั้งใหญ่ในภูมิภาคและในโลก
โดยรางวัลนี้จะมีการประกาศชื่อและมอบให้ในเดือนธ.ค.ของทุกปี แก่ชาวเอเชียหรือชาวอาเซียน ซึ่งได้สร้างผลกระทบอันสำคัญยิ่งแก่สังคม หรือภูมิภาคที่กว้างขวางขึ้นในรอบ 12 เดือนที่ผ่านมา
ในปีนี้ ทางหนังสือพิมพ์สเตรทไทม์ยังได้อุทิศหน้าหนังสือพิมพ์เพื่อเชิดชูเกียรติอดีตนักการทูตชาวสิงคโปร์ ทอมมี โค ว่าเป็นผู้ที่แน่วแน่ในการปกป้องและรักษากฎพื้นฐานของระเบียบระหว่างประเทศ
บรรณาธิการระบุว่า ในปีของการแตกแยกทางความคิด โดยเฉพาะการเปลี่ยนผ่านอำนาจในสหรัฐฯ ประธานาธิบดีสีของจีนเป็นภาพลักษณ์ของความสุขุม ขณะเดียวกันก็แสดงวิสัยทัศน์ที่ไปไกลกว่าประเทศจีนที่มีประชากรมากถึง 1,380 ล้านคนที่รวมเอเชียและโลกเข้าไว้ด้วยกัน
โดยบ.ก.ยังเสริมว่า ประธานาธิบดีสีได้แสดงออกถึงความเป็นผู้นำตลอดทั้งปี ทั้งจากการปกป้องแนวคิดการค้าเสรีอย่างเด็ดเดี่ยว ไปจนถึงความพยายามที่จะต่อสู้กับสภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลง หรือการแสดงออกถึงวิสัยทัศน์ที่จะเชื่อมโยงโลกเข้าหากันด้วยการเป็นเจ้าภาพในการประชุม Belt and Road
นอกจากนี้ ผู้นำจีนคนนี้ยังได้กระชับอำนาจของเขาในการประชุมสมัชชาแห่งชาติของพรรคคอมมิวนิสต์ครั้งที่ 19 ที่ผ่านมาได้อย่างยิ่งใหญ่ และยังเป็นตัวกลางสำคัญในการทำข้อตกลงระหว่างบังคลาเทศและเมียนมาเพื่อจัดการกับปัญหาผู้ลี้ภัยชาวมุสลิมโรฮิงญา 600,000 คน
จากการเลือกผู้นำของจีนให้เป็นผู้ได้รับรางวัลนี้ ทางกองบ.ก.หวังว่า “ ท่านจะสามารถดึงเอาองค์ความรู้ของอารยธรรมจีนที่รุ่งโรจน์ และประวัติศาสตร์ที่ยาวนานเพื่อนำเสนอแก่โลก โดยยังคงผลประโยชน์แก่จีน ทำทุกสิ่งด้วยความอดทน การเอาใจใส่ ความมีน้ำใจ และเหนือสิ่งอื่นใด คือการเคารพกฎหมายและดำรงบทบาทในด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศอย่างยุติธรรม ”
“ หากท่านประสบความสำเร็จได้เพียงครึ่งหนึ่งของสิ่งที่เคยพูดไว้ เอเชียและโลกจะเปลี่ยนแปลงไป”
วอร์เรน เฟอร์นานเดซ บ.ก.สำนักข่าวสเตรทไทม์ และประธานบอร์ดบริหารระบุว่า “ ในเวลาของการแตกแยกผันผวนครั้งใหญ่ในโลก ท่านยังคงมีอารมณ์ที่ดีและสุขุม”
ทั้งนี้ ประธานาธิบดีสีเคยได้รับรางวัลนี้มาแล้วครั้งหนึ่งในปี 2556 ร่วมกับนายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะแห่งญี่ปุ่น.