เกาหลีใต้/สหรัฐฯ ซ้อมรบทางอากาศครั้งใหญ่สุด
เกาหลีใต้และสหรัฐฯ เริ่มซ้อมรบทางอากาศร่วมกันครั้งใหญ่ที่สุดเมื่อวันที่ 4 ธ.ค.อ้างอิงจากการรายงานของทางการ เพียงหนึ่งสัปดาห์หลังจากเกาหลีเหนือระบุว่า ได้ทดสอบขีปนาวุธที่ล้ำหน้าที่สุด ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการทดสอบอาวุธที่ก่อให้เกิดความตึงเครียดทั่วโลก
การร่วมซ้อมรบประจำปีของสหรัฐฯ – เกาหลีใต้ หรือที่เรียกว่า Vigilant Ace จะดำเนินไปจนถึงวันที่ 8 ธ.ค. พร้อมเครื่องบินรบ F-22 แรปเตอร์ 6 ลำและเครื่องบินรบอื่นๆมากกว่า 230 ลำโดยการซ้อมรบร่วมกันถูกประณามว่าเป็นการยั่วยุเกาหลีเหนือ
นอกจากนี้ ยังมีเครื่องบินรบ F-35 ร่วมด้วย ทำให้มีปริมาณของเครื่องบินรบในเจเนเรชั่นที่ 5 มากที่สุดในการซ้อมรบครั้งนี้ อ้างอิงจากถ้อยแถลงของโฆษกกองทัพอากาศสหรัฐฯ ประจำเกาหลีใต้
เจ้าหน้าที่ทหารของสหรัฐฯประมาณ 12,000 นายทั้งนาวิกโยธินและทหารเรือจะเข้าร่วมซ้อมรบกับกองทัพเกาหลีใต้ ขณะที่ทหารอากาศจะบินมาจากฐานทัพ 8 แห่งของสหรัฐฯ และเกาหลีใต้
สื่อเกาหลีใต้รายงานว่า เครื่องบินรบทิ้งระเบิดยุทธศาสตร์ B-1B จะเข้าร่วมในการซ้อมรบในสัปดาห์นี้เช่นกัน แต่โฆษกของกองทัพสหรัฐฯไม่ได้ยืนยันรายงานนี้
โดยการซ้อมรบร่วมกันถูกออกแบบมาเพื่อเป็นการเตรียมความพร้อม เพิ่มขีดความสามารถของปฏิบัติการ และเพื่อปกป้องสันติภาพและความมั่นคงในคาบสมุทรเกาหลี กองทัพสหรัฐฯ แถลงก่อนเริ่มปฏิบัติการซ้อมรบ
ทั้งนี้ การซ้อมรบมีขึ้นหนึ่งสัปดาห์หลังจากเกาหลีเหนือแถลงว่า ได้ทดสอบขีปนาวุธพิสัยไกลข้ามทวีปที่ล้ำหน้าที่สุดเท่าที่เคยมีมา หลังจากถูกคว่ำบาตรและถูกประณามจากนานาประเทศ
เกาหลีเหนือกล่าวโทษประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐฯ ว่าทำให้ความตึงเครียดเพิ่มขึ้น และเตือนในช่วงสุดสัปดาห์ว่า การซ้อมรบ Vigilant Ace จะก่อให้เกิดความตึงเครียดในคาบสมุทรเกาหลี เหมือนเป็นการโหมให้ไฟปะทุขึ้นอีก อ้างอิงจากการรายงานของสื่อภาครัฐเกาหลีเหนือ
เมื่อวันที่ 3 ธ.ค.คณะกรรมการเพื่อสันติภาพในประเทศเกาหลีเหนือเรียกประธานาธิบดีทรัมป์ว่าเป็นคนบ้า และระบุว่าการซ้อมรบร่วมจะยิ่งผลักดันให้สถานการณ์ในคาบสมุทรเกาหลีเข้าใกล้สงครามนิวเคลียร์ยิ่งขึ้น
สำนักข่าว KCNA ของเกาหลีเหนือ ซึ่งเป็นเสมือนโฆษกของกระทรวงต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 3 ธ.ค.ว่า
คณะรัฐบาลของประธานาธิบดีทรัมป์กำลังร้องขอสงครามนิวเคลียร์ โดยการแสดงความเสี่ยงที่จะก่อให้เกิดสงครามนิวเคลียร์อย่างอันตรายที่สุดบนคาบสมุทรเกาหลี
ทั้งนี้ เกาหลีเหนือมักใช้สื่อของรัฐในการขู่คุกคามสหรัฐฯและประเทศพันธมิตรเป็นเรื่องปกติ.