ข่าวเด่น ข่าวดัง ประจำวันที่ 17-18 ก.ย.2564
“ความเคลื่อนไหวของคณะก้าวหน้า นำโดย “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” ล่าสุด เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศ เรื่องจดทะเบียนจัดตั้ง “มูลนิธิคณะก้าวหน้า” โดยมี “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” เป็นประธาน ส่วนรองประธาน 3 คน คือ นายชำนาญ จันทร์เรือง นายพงศกร รอดชมพู และนายสุรชัย ศรีสารคาม นอกจากนี้ ชื่อของกรรมการยังมีความน่าสนใจอีกหลายท่าน เช่น ปิยะบุตร แสงกนกกุล, พรรณิการ์ วานิช, กุลธิดา รุ่งเรืองเกียรติ, เยาวลักษณ์ วงประภารัตน์, ใกล้ก้อง ไวทยาการ นายเจนวิทย์ ไกลสินและนายชัน ภักดีศรี เป็นต้น”
เรื่องที่ 245 “มูลนิธิคณะก้าวหน้า” จัดตั้งขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อ ส่งเสริมการศึกษาวิจัย ด้านสังคม นิติศาสตร์ รัฐศาสตร์ และอื่นๆ รวมถึงการส่งเสริมเยาวชนคนรุ่นใหม่ให้ดำเนินกิจกรรมค่ายศึกษาอบรมเกี่ยวกับการเสริมค่านิยมประชาธิปไตย การส่งเสริมการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ด้วยความเป็นกลาง และไม่ให้การสนับ สนุนด้านการเงิน หรือทรัพย์สินแก่นักการเมืองหรือพรรคการเมืองใด
ประเด็นนี้ นับเป็นอีกก้าวของ “คณะก้าวไกล” ที่นำโดย “ธนาธร” โดยยกระดับจากกลุ่มการเมืองเป็นมูลนิธิ สามารถหารายได้ เคลื่อนไหวได้ โดยมีองค์กรสนับสนุน ซึ่งจะมีความแตกต่างจากการเคลื่อนไหวในนามของกลุ่มการเมืองตรงที่ ทุกอย่างจะถูกจัดทำอย่างเป็นระบบ เช่น มีการประชุมประจำปี มีแผนการดำเนินงาน มีรายงานผลการดำเนินงาน รายงานการใช้จ่ายงบประมาณ เป็นต้น
นับจากนี้ จับตา!! “ธนาธร” กับการเคลื่อนไหวในฐานะประธานคณะก้าวหน้า โดยเฉพาะการเล่นการเมืองระดับท้องถิ่น ขนาดที่เล็กที่สุดอย่าง อบต.ที่จะมีการเลือกตั้งวันที่ 28 พ.ย.นี้ กำลังจะกลายเป็นประเด็นใหญ่ที่ร้อนแรงต่อไปในอนาคต
เรื่องที่ 246 ที่จริงสถานทูตญี่ปุ่นได้ส่งอีเมลเตือน “ชาวญี่ปุ่น” ที่พำนักในประเทศไทย ให้ระวังเหตุระเบิดพลีชีพในพื้นที่เสี่ยง โดยเฉพาะจุดที่มีคนพลุกพล่าน มาตั้งแต่วันที่ 12 ก.ย. 2564 หลังเหตุการณ์รำลึก 11 ก.ย. หรือ 9/11 เพียงวันเดียว และเป็นกระทรวงการต่างประเทศของไทยที่ทำหนังสือชี้แจงในวันรุ่งขึ้นว่า ไม่ใช่แค่ในประเทศไทย แต่ทางการญี่ปุ่นยังเตือนพลเมืองตัวเองในอีก 5 ประเทศอาเซียน คือ ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย อินโดนีเซีย สิงคโปร์ และเมียนมา ขณะที่ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ “พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ” บอกว่า ตำรวจสันติบาล ซึ่งดูแลงานด้านข่าวกรองเชิงลึก ได้ประ สานข้อมูลกับหน่วยงานความมั่นคง ยืนยันว่า ยังไม่มีสิ่งใดชี้ชัดว่าจะมีการก่อการร้ายในประเทศและไทยก็ประสานงานกับหน่วยงานด้านการข่าวทั้งในและต่างประเทศอย่างใกล้ชิด ข่าวนี้ ก็น่าจะซากันไป แล้วเหตุใด ถึงได้กลับมาเป็นข่าวสุดฮ๊อต! จนแฮชแท็ก #การก่อการร้ายพลีชีพ จึงติดอันดับวลีที่ได้รับความนิยามมากที่สุด! ลากยาวไปจนถึงเมื่อช่วงเช้าของวันที่ 16 ก.ย.ที่ผ่านมา
อย่างที่รู้กัน! รังใหญ่ “ไอซิส” อยู่ในตะวันออกกลาง โดยเฉพาะประเทศอิรัก แต่ก็มีเครือข่ายขยายวงกว้างไปทั่วโลก รวมถึงพื้นที่เอเชียตะวันตกเฉียงใต้ ไม่ว่าจะใน มาเลเซีย อินโดนีเซีย หรือฟิลิปปินส์ ต่างมีเครือข่ายแนวร่วมของไอซิส ที่พร้อมจะเปิดปฏิบัติการได้ทันทีที่มีสัญญาณจากหน่วยเหนือ ทุกปรากฏการณ์ ย่อมมีทฤษฎีอธิบายความหมายเสมอ แม้บางครั้ง “ความจริง” อาจไม่ได้มีเพียงหนึ่งเดียว เช่นกัน เมื่อถึงวันครบรอบเหตุการก่อวินาศกรรม 9/11 ในสหรัฐฯ เมื่อ 20 ปีที่แล้ว โอกาสที่กลุ่มก่อการร้ายหัวรุนแรง ไม่ว่าจะในสายของไอซิส อัลกออิดะห์ หรือแม้แต่กลุ่มตอลีบัน ที่เพิ่งประกาศชัยชนะในประเทศอัฟกานิสถาน เหนือกองทัพอเมริกันที่ประกาศถอนทหารออกไป อาจแสดงแสนยานุภาพของกลุ่มและเครือข่ายตัวเองให้โลกได้ครั่นคร้าม หลังเหตุการณ์ที่พวกกลุ่มก่อการร้ายหัวรุนแรง มองเป็นชัยชนะของตัวเอง
ชาติที่เก่งในเรื่องเทคโนโลยี การผลิต และการตลาด (ค้าขาย) อย่างญี่ปุ่น จะตื่นตูมออกมาส่งสัญญาณเตือนคนของตัวเองใน 6 ชาติอาเซียน โดยไม่มีปัจจัยพื้นฐานความเป็นจริงอยู่เลย ก็คงกระไรอยู่ และเหตุผลสำคัญที่ทางการญี่ปุ่นจำต้องส่งข้อความผ่านอีเมลถึงพลเมืองตัวเอง อาจเพราะการข่าวที่รัฐบาลญี่ปุ่น เชื่อมการข่าวกับหน่วยงานด้านข่าวกรองระดับโลก อยู่ในมิติที่ลึกล้ำกว่าทางการไทยทำอยู่หรือไม่
ตรงนี้น่าคิด! และที่ต้องหยิบเรื่องนี้มาพูดถึง ไม่ได้มีเจตนาจะสร้างความตื่นกลัวให้กับพี่น้องไทยเรา แต่เพราะมันเป็นปรากฏการณ์ที่มีทฤษฎีมารองรับ จึงต้องบอกกล่าว และเตือนให้ระวังการเข้าไปในอยู่ในพื้นที่เสี่ยง โดยเฉพาะพื้นที่ ที่มีผู้คนอยู่รวมกันเป็นจำนวนมาก ย้ำ! อีกครั้ง ตรงนี้อีกครั้งไม่ได้บอกให้ตื่นกลัว แต่เตือนให้ระวัง โดยไม่เอาตัวเองเข้าไปเสี่ยงกับเหตุการณ์ ยิ่งยามนี้ ทางการไทยผ่อนคลายมาตรการคุมเข้มจากพิษโควิด-19 ยิ่งได้เห็นคนไทยเดินทางไปมา และเข้าห้างสรรพสินค้ากันอย่างคลาคล่ำ ก็อดเป็นห่วงเพื่อนคนไทยไม่ได้ ไหนจะต้องเสี่ยงกับเชื้อโควิดฯ เสี่ยงกับการไม่มีงานทำ ไม่มีเงินใช้จ่าย แล้วชีวิตวันนี้…ยังต้องเสี่ยงกับอะไรอีกมากมาย ที่เราคาดไม่ถึง… เหนื่อยจริงๆ
เรื่อง247 ปรับตัวเก่ง ให้เข้ากับเทรน ทุกสถานการณ์ ต้องยกให้เขา “PTTOR” ที่มีดีไซน์ ร้าน Cafe’ Amazon ได้สวยเก๋ไก๋หลายรูปแบบ จนกลายเป็นร้านกาแฟขวัญใจของนักเดินทาง แวะมาจิบกาแฟ เช็คอิน ถ่ายรูป และเมื่อเร็วนี้ก็ได้ร่วมกับจัง หวัดอยุธยาเปิดสถานีบริการน้ำมัน “พีทีที สเตชั่น” และร้านคา “Cafe’ Amazon” ในรูปแบบพิเศษ หรือ “Concept Station” ที่มีแนวคิดสอดคล้องกับอัตลักษณ์ของท้องถิ่นเป็นแห่งแรก หวังชูให้เป็น Landmark แห่งใหม่ ให้นักท่องเที่ยวได้เข้ามาถ่ายภาพ
ที่น่าสนใจคือ สถานีบริการแห่งนี้ เป็นสถานีบริการน้ำมันแห่งเดียวของจังหวัดอยุธยา ที่อยู่ในบริเวณเกาะเมือง ศูนย์กลางแหล่งท่องเที่ยวและเป็นสถานที่ที่มีโบราณสถานที่สำคัญๆ การปรับปรุงในครั้งนี้จึงมีอัตลักษณ์ และภาพลักษณ์ที่เข้ากับโบราณสถานของจังหวัด และยังมีประวัติที่น่าสนใจ คือ เป็นสถานีบริการน้ำมันที่ก่อตั้งมาตั้งแต่ 10 ก.ค.2483 สมัยที่ จอมพล ป. พิบูลสงคราม เป็นนายกรัฐมนตรี ในขณะนั้น และได้รับการแต่งตั้งจากองค์การเชื้อเพลิง กระทรวงกลาโหม ให้เป็นผู้แทนจำหน่ายน้ำมันตราสามทหาร ตั้งแต่ปี 2499 นับว่าเป็นปั๊มประวัติศาสตร์ ควรค่าแก่การอนุรักษ์ไว้เป็นอย่างยิ่ง…แวะไปเช็คอินกันได้เลย…ครับ
เรื่อง248 ค่ายนี้…บริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) ขอเดินหน้าธุรกิจตาม “แผนพลังงานชาติ” ที่มุ่งเป้าหมายลดการปลด ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เป็นศูนย์ภายในปี 2070 ด้วยการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรม สำหรับรองรับการเริ่มดำ เนินการแลกเปลี่ยนพลังงานไฟฟ้าของ Prosumer (การผลิตไฟฟ้าเพื่อใช้เองจากหลังคาบ้านตนเองด้วยแผงโซลาร์เซลล์) ในรูปแบบ P2P คือ ซื้อขายไฟฟ้าระหว่างประชาชนกับประชาชน ที่สามารถนำมาใช้ได้จริงในทางปฏิบัติ
เรื่องที่ 249 “CEO” บีซีพีจี “บัณฑิต สะเพียรชัย” บอก สำหรับประเทศไทย จะมี โครงการ Town 77 ที่บีซีพีจี ร่วมทำกับ แสนสิริ เมื่อปี2561 และโครงการ CMU Smart City ที่ร่วมกับมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ก็คาดว่าจะเสร็จสมบูรณ์ในปี 2564 นี้ ส่วนโครงการ Sun Share Smart Green Energy Community ที่ ร่วมกับ เอสซี แอสเสท ขณะนี้อยู่ในระหว่างการขออนุญาต Sandbox จาก กกพ. แหม่เดินหน้าโครงการกันไวจริง
ส่วน กกพ.ก็กำลังเตรียมออกแบบ application เพื่อรองรับรูปแบบการซื้อขายไฟฟ้ารูปแบบใหม่ ตั้งแต่ปี 2561 หลังได้ 3 กรรมการ กกพ.คนใหม่ มาช่วย แผนรับมือการผลิตและซื้อขายไฟฟ้ารูปแบบใหม่ ก็น่าจะเสร็จไวขึ้น รึเปล่าครับท่าน “คมกฤช” เลขาฯกกพ.
เรื่อง249 เลขสวยอีกแล้ว ถือเป็นเรื่องเล่าสู่กันฟัง กับประเด็นสุดท้ายก่อนจากกันไปพักผ่อน เกาพุงเล่นๆ ในช่วงวันเสาร์-อาทิตย์ จะได้กลับมาทำงานเช้าๆ สั่งเด็กเช็ดโต๊ะเก้าอี้ ให้สะอาด เพราะตั้งแต่สัปดาห์หน้าเป็นต้นไป ขอเตือนข้าราชการกรมศุลกากรระดับ 7 8 และ 9 เข้าสู่ฤดูโยกย้าย หลังคนเก่าเกษียณคนใหม่กำลังจะนั่งแทน แถมยังมีเพื่อนๆ น้องๆ ค่อยกระแซะให้ไหลรูด หลุดจากเก้าอี้อีก ก็รอบนี้แหละ ข่าวล่าสุด “หม่อง-พชร อนันตศิลป์” เดินคู่กับศุลการักษ์ รุ่น 20 คาดว่า จังหวะนี้ เหมาะเจาะล้างรุ่น19 ที่เหลืออีกไม่กี่คน แต่ตำแหน่งใหญ่ๆ โตๆ ทั้งนั้น
นักข่าวสายเหยี่ยว (คิดลบ) “หม่อง” เอาจริง หลังจากไปลงพื้นที่ตรวจด่านชายแดนภาคตะวันออก นอนเกาะช้าง รับลมทะเลสั่งทุบโต๊ะ เอาตามรุ่นพี่ รุ่น20 เสนอ มองข้ามรุ่น19 อย่างน่าน้อยใจ นอกจากนี้ มีพวกเส้นดี แต่เป็นลูกนอกไส้ จบป.ตรี ไม่ได้เรียนศุลการักษ์ น้ำลายไหลอยู่หลายคน เพราะอยากไปหมดกับเขาไปด้วย “ขอที่ดีๆ ไม่แฉะ ก็ขอชื่นๆ แห้งๆ ไม่เอาครับท่าน” งานนี้ ต้องส่งกำลังใจถึงเพื่อนๆ น้องๆ ศุลกากรทุกๆ คนนะครับ เพราะทั้งโทร ทั้งไลน์ ไปหาหลายด่าน บ่นเป็นเสียงเดียวกันหมด ด่านที่เรียกว่า ดี “ไม่ดี” อย่ามาเด็ดขาด!! 555
ส่วนสายพิราบ (คิดบวก) สบายๆ ชิวๆ อยู่ที่ไหนก็ได้ เพราะถือคติ “ทีเอ็งข้าไม่ว่า ทีข้าเอ็งอย่าโวย” จบ
สุดท้ายจริง ขอแสดงความยินดีกับที่ปรึกษาคนใหม่ล่าสุด 2 ท่านคือ “ภัทรพร วรทรัพย์” กรมบัญชีกลาง และ “ชุติมา ศรีปราชญ์” กรมธนารักษ์ คนแรกชื่อ “ไหม” ถ้าสังเกตให้ดี “วรทรัพย์” คุ้นๆ ขอบอกคนนี้ ไม่ธรรมดา เป็นลูกสะใภ้ “รองขาว-อังคณี วรทัพย์” ปัจจุบันนักเลงกล้วยไม้ สามีนั่งทำงานที่กรมสรรพากร ตำแหน่งใหญ่โต ชื่อเล่น “พี่เข้ม” น่าจะใช่นะ ถ้าจำไม่ผิด
อีกคน กรมธนารักษ์ “พี่เป้า-ชุติมา ศรีปราชญ์” ภรรยา“พี่บอย-คณาวุฒิ สิติธีรพันธุ์” เก่งทั้ง2 คน แต่คนชื่อพี่บอย สงสัยจะเดินตามนายเก่า “อำนวย ปรีมนวงศ์” มากไปหน่อย ตำแหน่งรองอธิบดีจ่ออยู่ข้างหน้า ยังไม่ได้ขึ้นสักที!! แต่สุดท้ายอวยปีนี้เลย ขอสมหวังทุกประการนะครับ
โดย นพวัชร์