รถไฟใต้ดินปินส์เลื่อนถึงสิ้นปีหน้า
กำหนดการเริ่มลงมือก่อสร้างรถไฟใต้ดินในเขตตัวเมืองของกรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ที่ได้รับการสนับสนุนด้านการเงินจากญี่ปุ่นอาจต้องมีการล่าช้าออกไปจนถึงเดือนธ.ค.ปีหน้า อ้างอิงจากถ้อยแถลงของทางการฟิลิปปินส์
รัฐบาลฟิลิปปินส์เคยแถลงก่อนหน้านี้ว่า โครงการก่อสร้างรถไฟใต้ดินมูลค่า 355,000 ล้านเปโซ หรือราว 233,100 ล้านบาทจะเริ่มต้นในไตรมาสแรกของปี 2561 แปลว่าโครงการนี้จะเลื่อนออกไปประมาณ 9 เดือน
โดยกำหนดการใหม่อยู่บนพื้นฐานการประเมินตารางเวลาสำหรับเฟสแรกของโครงการ Metro anila Subway ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากองค์การความร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุ่น หรือไจก้า
คาดการณ์ว่าการจัดการอย่างเป็นทางการของข้อตกลงเงินกู้จะแล้วเสร็จเมื่อนายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะพบกับประธานาธิบดีโรดริโก ดูเตอร์เตในการประชุมกลุ่มประเทศอาเซียนในสัปดาห์หน้า
Jonathan Uy ผู้ช่วยเลขาธิการในแผนกการลงทุนที่องค์การเศรษฐกิจและการพัฒนาแห่งชาติ กล่าวในระหว่างการประชุมในกรุงมะนิลาว่า จำเป็นต้องมีการนับรวมกันในอีกหลายปัจจัย เช่นการทำข้อตกลงเงินกู้ยืมอย่างเป็นทางการ
“คุณจะคุ้นเคยกับปีงบประมาณแบบญี่ปุ่น ที่จะมีการลงนามในข้อตกลงเงินกู้ยืม หรือเงินกู้หักภาษี ณ ที่จ่ายในไตรมาสแรกของผู้ที่ให้กู้ เพราะนี่เป็นการยืนยันที่จะทำตามข้อสัญญาของคณะรัฐมนตรี”
อย่างไรก็ตาม อาจมีความเป็นไปได้ที่ช่วงเวลาของโครงการก่อสร้างจะเริ่มต้นได้ตามกำหนดการเดิม
นอกจากข้อตกลงเงินกู้แล้ว Uy ยังแสดงความกังวลเรื่องของการจัดซื้อ และข้อจำกัดในการดำเนินงานที่อาจส่งผลให้การเริ่มต้นก่อสร้างล่าช้าออกไป
โดยในส่วนแรกของโครงการรถไฟใต้ดิน ซึ่งเป็นโครงการขนาดใหญ่โครงการแรกในฟิลิปปินส์ จะครอบคลุมเส้นทางประมาณ 23 ก.ม.จาก Quezon City ถึง Paranaque City ซึ่งคาดการณ์ว่า จะมีจำนวนผู้ใช้บริการประมาณ 370,000 คนต่อวัน
ทั้งนี้ ตั้งเป้าว่าโครงการนี้จะเสร็จสมบูรณ์ในปี 2568 อ้างอิงจากหน่วยงานที่กำกับดูแลโครงการ
นอกจากโครงการนี้ ฟิลิปปินส์และญี่ปุ่นยังได้ประชุมกันถึงความเป็นไปได้ที่จะจัดหากองทุนจำนวน 197 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (6,560 ล้านบาท) สำหรับการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานเพื่อป้องกันน้ำท่วมใน Cavite ซึ่งเป็นย่านทางตอนใต้ของกรุงมะนิลา รวมถึงโครงการรถไฟไปทางเหนือของตัวเมืองด้วย
โดยโครงการรถไฟมูลค่า 4,270 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (142,191 ล้านบาท) จะยืดเส้นทางจากเมืองมาโลโลส ในบูลากันไปถึงคลาร์กในปัมปันกา อ้างอิงจากข้อมูลของกระทรวงการคลัง.