ประชาธิปัตย์ ถูกหักหลัง
เทพไท ฟันธง แก้ รธน.บัตรเลือกตั้ง 2 ใบ ผ่านโลด ชี้ แก้ไขประเด็นกระพี้ ไม่ใช่เงื่อนไขร่วมรัฐบาล
วันที่ 22 ส.ค. นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า การพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญวาระ 2 ในสัปดาห์หน้านั้น มีสาระสำคัญคือ การใช้บัตรเลือกตั้ง 2 ใบ และการเปลี่ยนสัดส่วน ส.ส.ระบบเขต 400 คน กับระบบบัญชีรายชื่อ 100 คน ไม่น่าจะมีปัญหาใดๆ เพราะพรรคการเมืองใหญ่ ต่างก็สนับสนุนกันทุกพรรค ถ้าจะมีความเห็นต่างอยู่บ้าง ก็น่าจะเป็นวิธีการคิดคำนวณสัดส่วน ส.ส.ว่า จะยึดหลักตามรัฐธรรมนูญ ปี 2540 หรือรัฐธรรมนูญ ปี2560 เท่านั้น
สำหรับการแก้ไขรัฐธรรมนูญในครั้งนี้ เป็นร่างของพรรคประชาธิปัตย์ เพียงร่างเดียวที่ผ่านความเห็นชอบของสมาชิกรัฐสภา ถ้าดูจากท่าทีจากการให้สัมภาษณ์ของ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ก็มีความพึงพอใจกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญในระดับหนึ่ง
แต่สำหรับผมในฐานะที่เป็นผู้ผลักดันให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เสนอญัตติให้มีการศึกษาปัญหาและแนวทางแก้ไขรัฐธรรมนูญ ยังเห็นว่าเป้าหมายการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ของพรรคประชาธิปัตย์ ยังไม่บรรลุเป้าหมาย กำลังถูกหักหลัง และไม่มีความจริงใจจากพรรคแกนนำรัฐบาล โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตยมากยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญในการแก้ไขของพรรคประชาธิปัตย์ คือมาตรา 256 ต้องการสะเดาะกุญแจเปิดประตูการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้สามารถแก้ไขได้ง่ายขึ้น และเป็นไปตามมาตรฐานสากล จึงทำให้มีการเสนอญัตติร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญไป 8 ฉบับ แต่ในที่สุดสมาชิกรัฐสภาได้ให้ความเห็นชอบเพียงร่างเดียว คือระบบการเลือกตั้งบัตร 2 ใบ และเปลี่ยนแปลงจำนวนส.ส.ระบบเขต 400 ตน ระบบบัญชีรายชื่อ 100 คน ซึ่งประเด็นนี้เป็นแค่กระพี้เท่านั้น ไม่ใช่แก่นแท้ หรือหัวใจของการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่พรรคประชาธิปัตย์ตั้งเป้าหมายไว้
การที่รัฐสภาเห็นชอบแค่ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญในระบบเลือกตั้งแล้ว พรรคประชาธิปัตย์จะมาทึกทัก หรือโมเมว่า ได้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เป็นการทำตามเงื่อนไขของการเข้าร่วมรัฐบาลแล้วนั้น ผมไม่เห็นด้วย เพราะเห็นว่านอกจากจะเป็นการหลอกตัวเองแล้ว ก็ยังเป็นการหลอกลวงประชาชนอีกด้วย
พรรคประชาธิปัตย์จะต้องมุ่งมั่น และธำรงเป้าหมายไว้ซึ่งอุดมการณ์ของพรรค ในการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตยมากยิ่งขึ้น ตามที่ประกาศไว้ ถ้าหากรัฐบาลไม่สนับสนุนแนวทางแก้ไขรัฐธรรมนูญตามนโยบายเร่งด่วนที่แถลงต่อรัฐสภา และไม่ทำตามเงื่อนไขการเข้าร่วมรัฐบาลของพรรคแล้ว ก็ควรที่จะพิจารณาทบทวนเงื่อนไขการเข้าร่วมรัฐบาลได้เลย อย่าให้ถูกข้อครหาว่า อยากเป็นรัฐบาล เสพติดอำนาจ หวงเก้าอี้ จนลืมศักดิ์ศรีความเป็นพรรคประชาธิปัตย์ไป