สภาถกงบ 65 วาระ 2 รวม 3.1 ล้านล้าน อาคม ยันตอบโจทย์ประเทศ
สภาถกงบ 65 วาระ 2 วงเงิน 3.1 ล้านล้าน อาคม เติมพิทยาไพสิฐ ยืนยันตอบโจทย์ประเทศ ฝ่ายค้านร้องขอปรับลดอีก
เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 18 ส.ค. ที่รัฐสภา สภาผู้แทนราษฎร พิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2565 วาระ 2 วงเงิน 3.1 ล้านล้านบาท โดยมีนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง ในฐานะประธานกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 ชี้แจงต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร โดยระบุว่า การพิจารณางบฯ ปี 65 กมธ.วิสามัญให้ความสำคัญกับการพิจารณางบประมาณที่สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ แผนแม่บทเฉพาะกิจภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติอันเป็นผลมาจากสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 รวมถึงนโยบายและแผนระดับชาติว่าด้วยความมั่นคงและนโยบายสำคัญของรัฐบาลเพื่อให้การดำเนินงานของหน่วยรับงบประมาณ สามารถขับเคลื่อนได้อย่างมีประสิทธิภาพเกิดประโยชน์แก่ประชาชน
ทั้งนี้ กมธ.วิสามัญได้มีข้อเสนอในภาพรวมที่สำคัญเพื่อให้รัฐบาลดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวกับการกำหนดผลสัมฤทธิ์และตัวชี้วัดที่มีความสอดคล้องเชื่อมโยงในระดับหน่วยงานและระดับประเทศการประเมินความคุ้มค่าจากผลลัพธ์ต่อทรัพยากรที่จัดสรรลดความซ้ำซ้อนและเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้จ่ายงบประมาณมุ่งเน้นการลงทุนในการพัฒนาเศรษฐกิจที่ก่อให้เกิดรายได้การเพิ่มศักยภาพการแข่งขันของประเทศ การพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก การสร้างงานสร้างอาชีพส่วนลดความเหลื่อมล้ำ เพื่อการใช้งบประมาณมีความคุ้มค่ารวมทั้งการแก้ไขเรื่องเศรษฐกิจและสังคมจากผลกระทบของโควิด-19
นายอาคม ระบุว่า กมธ.วิสามัญ ได้ปรับลดงบประมาณลง 1.6 หมื่นล้าน ซึ่งนอกจากจะได้พิจารณาจากความสอดคล้องกับยุทธศาสตร์แผนยุทธศาสตร์และแผนระดับต่างๆ ของรัฐบาลแล้ว ยังคำนึงถึงแผนแม่บทเฉพาะกิจภายใต้ยุทธศาสตร์ภายใต้สถานการณ์โควิด-19ตลอดจนเป้าหมายและผลการดำเนินงานจริง ความคุ้มค่าขีดความสามารถในการใช้จ่ายงบประมาณรวมทั้งให้ความสำคัญกับเงินนอกงบประมาณหรือรายได้ที่จะเก็บเองการนำผลการใช้จ่ายจริงในปีงบประมาณที่ผ่านมาและความพร้อมในการดำเนินงาน อาทิ รายการที่ไม่สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันหรือที่ได้ดำเนินการไปแล้วโดยใช้จ่ายจากการโอนเปลี่ยนแปลงงบประมาณหรือการปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบปี 64 รายการที่สามารถปรับลดเป้าหมายและวิธีการให้เกิดความประหยัดเช่น การฝึกอบรม การจ้างเหมาบริการ การจ้างที่ปรึกษา การประชาสัมพันธ์ เป็นต้น รายการที่มีผลการดำเนินการล่าช้ากว่าแผนที่กำหนดไว้และคาดว่าจะใช้จ่ายได้ไม่ทันในปี 65 หรือรายการผูกพันงบเดิมที่ผลการจัดซื้อจัดจ้างต่ำกว่างบประมาณที่เสนอไว้ รายการที่สามารถใช้เงินจากแหล่งอื่นนอกเหนือจากงบประมาณได้ เช่นเงินนอกงบประมาณ เงินรายได้ที่จัดเก็บเอง เงินสะสมคงเหลือในหน่วยงานหรือกองทุน
ส่วนการปรับเพิ่มงบประมาณนั้น กมธ.วิสามัญได้เพิ่มงบให้กับงบกลางรายการใช้จ่ายในการบรรเทาแก้ไขปัญหาเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 จำนวน 1.6 หมื่นล้าน ตามจำนวนที่ปรับลดงบประมาณลง เพื่อสำรองไว้สำหรับการบรรเทาและเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 โดยครอบคลุมทั้งด้านเศรษฐกิจและสังคม ยืนยัน ว่าการปรับลดและเพิ่มงบประมาณ กมธ.วิสามัญได้ให้ความสำคัญกับความพร้อมและศักยภาพของหน่วยงานความซ้ำซ้อนและเป้าหมายการดำเนินการ ผลการดำเนินงานที่ผ่านมารวมถึงภารกิจสำคัญในการแก้ไขผลกระทบจากการแพร่ระบาดโควิด-19 และรายการที่มีความจำเป็นเร่งด่วนซึ่งเป็นประโยชน์ต่อประชาชนโดยตรง เพื่อให้สามารถดำเนินการภายในกรอบวงเงินงบประมาณ 3 ล้าน 1 แสนล้านบาทถ้วนตามที่สภาผู้แทนราษฎร ลงมติรับหลักการไว้
นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะกรรมาธิการ อภิปรายต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ขอปรับลดงบประมาณรายจ่ายภาพรวมลง จำนวน 1 แสนล้านบาท พร้อมเสนอทางออกของประเทศด้วยการรื้อโครงสร้างรัฐเพื่อศักยภาพการแข่งขันของประเทศใน 2 ระดับ ทั้งระดับจุลภาค และมหภาค โดยระดับจุลภาค ในส่วนของงบกระทรวงกลาโหมยังสามารถปรับลดงบได้อีก 3 พันล้านบาท จาก 3 หมื่นล้านบาท โดยเฉพาะงบด้านความมั่นคงที่เกี่ยวกับการจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์เนื่องจากเห็นว่าการใช้จ่ายงบประมาณบางส่วนยังไม่สอดคล้องกับสถานการณ์ของประเทศปัจจุบันที่ประชาชนต้องการความมั่นคงด้านสุขภาพรวมทั้งควรปรับลดงบที่เน้นการลงทุนในสิ่งก่อสร้างมากกว่าชีวิตประชาชน อาทิงบก่อสร้างอาคารสำนักงานจังหวัด งบบ้านพักข้าราชการ ขยายอาคารสำนักงานจังหวัด และงบมีพิรุธ ที่มีราคาสูงกว่าท้องตลาด หรือใบเสนอราคาไม่สมบูรณ์ซึ่งตนเชื่อว่าหากตัดงบประมาณส่วนนี้ได้อีกจะประหยัดงบประมาณประเทศได้อีกหลายหมื่นล้านบาท
ขณะที่ทางเลือกระยะยาวสำหรับการประหยัดงบประมาณในระดับมหภาค ต้องปรับโครงสร้างรัฐไทย ให้ชัดเจน ไม่มีความซ้ำซ้อน อาทิสำนักปลัดกระทรวงกลาโหม และกองบัญชาการกองทัพไทย ของกระทรวงกลาโหมและกรมท่าอากาศยาน และบริษัทท่าอากาศยานไทย ของกระทรวงคมนาคมที่มีภารกิจและบทบาทเหมือนกัน ซึ่งต้องมีการบริหารจัดการใหม่ไม่ให้เกิดความซ้ำซ้อนเพื่อทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส.กทม.พรรคเพื่อไทย กรรมาธิการ อภิปรายว่า ขอสงวนความเห็นตัดลดงบประมาณลง 10% หรือ 3.1 แสนล้านบาท ทั้งนี้ จากการทำหน้าที่กรรมาธิการเห็นว่า หน่วยงานราชการแต่ละกระทรวง จัดทำงบประมาณแบบใช้ไม่ได้ ไม่ดูสถานการณ์ปัจจุบัน อ้างว่าทำงบประมาณไว้ตั้งแต่ต้นปี ทั้งที่จริงแล้วสามารถเปลี่ยนแปลงได้ หลายหน่วยงานจัดงบประมาณในส่วนของการอบรมสัมมนาเหมือนกับที่เคยทำมา ไม่ได้ปรับปรุงแก้ไข เมื่อปรับลดก็เกิดการโวยวาย
“การที่ขอตัดลดงบประมาณลง 10% เพื่อลดการขาดดุล เพื่อที่ลุงตู่หรือนักกู้แห่งลุ่มน้ำเจ้าพระยา จะได้ไม่ต้องไปกู้อีก เพราะการจัดทำก็ประมาณครั้งนี้ไม่สมดุลย์กับเหตุการณ์บ้านเมือง อีกทั้งที่ผ่านมานายกฯ ก็กู้มาหลายรอบแล้ว ไม่ว่าจะเป็น 1 ล้านล้าน 5 แสนล้าน และ 1.7 แสนล้าน“
เวลา 12.25 น. ที่ประชุมสภาฯลงมติเห็นชอบมาตรา 4 กรอบวงเงินงบประมาณ 3.1 ล้านล้าน ด้วยคะแนน 224 ไม่เห็นด้วย 39 งดออกเสียง 38 ไม่ลงคะแนน 11