“บางจาก” กำไร เพิ่มขึ้นร้อยละ 162
บางจาก เผย ผลการดำเนินงาน ครึ่งแรกปี 64 กำไรสุทธิ 4,048 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 162 จากความต้องการใช้น้ำมันในตลาดโลกปรับเพิ่มขึ้น
นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานช่วงครึ่งปีแรกของปี 2564 ของกลุ่มบางจากฯ ว่า บริษัทฯ และบริษัทย่อย มีรายได้จากการขายและการให้บริการ 85,006 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 22 มี EBITDA สูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 9,006 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 737 มีกำไรสุทธิส่วนของบริษัทใหญ่ 4,048 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 162 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 2.80 บาท จากการได้รับปัจจัยหนุนจากความต้องการใช้น้ำมันในตลาดโลกปรับเพิ่มขึ้น หลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 เริ่มคลี่คลาย
ประกอบกับความคืบหน้าของการกระจายวัคซีน การทยอยผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ในหลายประเทศ และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจทั่วโลกอย่างต่อเนื่องส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบและราคาน้ำมันสำเร็จรูปในตลาดโลกปรับเพิ่มขึ้นโดยราคาน้ำมันดิบดูไบเฉลี่ยในครึ่งปีแรก 2564 อยู่ที่ 63.62 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้นร้อยละ 56 จากครึ่งปีแรกของปี 2563 ส่งผลให้กลุ่มบริษัทฯ มี Inventory Gain 3,773 ล้านบาท และธุรกิจโรงกลั่นมีค่าการกลั่นพื้นฐานทรงตัวในทิศทางที่ปรับตัวดีขึ้น
อีกทั้งได้รับส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วม OKEA 371 ล้านบาท สูงที่สุดนับตั้งแต่เข้าลงทุนในธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียม ทั้งนี้ ปัจจัยหนุนข้างต้นมาช่วยกลุ่มธุรกิจการตลาดและกลุ่มธุรกิจผลิตภัณฑ์ชีวภาพที่ได้รับผลกระทบจากความต้องการใช้น้ำมันในประเทศที่ปรับลดลง จากการแพร่ระบาดของโควิด19 ที่กลับมาระบาดอีกครั้ง โดยเฉพาะความต้องการใช้น้ำมันเครื่องบินที่ยังอยู่ในระดับต่ำ บริษัทฯ จึงได้ทำการปรับโรงกลั่นเป็น Niche Products Refinery นำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ออกสู่ท้องตลาด เช่น UCO (Unconverted Oil) มีปริมาณการจำหน่ายเพิ่มขึ้นถึง 2 เท่าตัวจากไตรมาส 2 ปี 2563 ผลิตสารทำละลาย (Solvent) ภายใต้ชื่อ BCP White Spirit 3040 และยังวางแผนต่อยอดผลิตภัณฑ์หลากหลาย
อย่างไรก็ตาม ในช่วงครึ่งปีหลังปี 2564 ความต้องการใช้น้ำมันอาจได้รับแรงกดดันจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์เดลต้าที่ทำให้สถานการณ์การแพร่ระบาดในหลายประเทศกลับมารุนแรงอีกครั้ง โดยเฉพาะในเอเชีย ทำให้รัฐบาลของแต่ละประเทศกลับมาใช้มาตรการคุมเข้ม ส่งผลกระทบให้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจ รวมถึงภาพรวมของเศรษฐกิจโลก อีกทั้งการประกาศใช้มาตรการล็อกดาวน์เพื่อควบคุมการแพร่ระบาด ที่ส่งผลกระทบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจและความต้องการใช้น้ำมันทั้งประเทศ
สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาส 2 ของปี 2564 บริษัทฯ และบริษัทย่อย มีรายได้จากการขายและการให้บริการ 43,775 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 6 มี Operating EBITDA 3,059 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 28 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน มี EBITDA 4,269 ล้านบาท ลดลงร้อยละ10 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน มี Inventory Gain 1,299 ล้านบาทมีกำไรสุทธิส่วนของบริษัทใหญ่ 1,765 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 23 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 1.21 บาท