ผู้นำหญิงอายุน้อยสุดของนิวซีแลนด์
นิวซีแลนด์กำลังจัดตั้งรัฐบาลผสมสายกลางและฝ่ายซ้ายที่นำโดยจาซินดา อาร์เดิร์น หัวหน้าพรรคแรงงาน โดยอาร์เดิร์นในวัย 37 ปี ซึ่งเป็นผู้นำฝ่ายค้านในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา เตรียมขึ้นแท่นเป็นนายกรัฐมนตรีหญิงที่มีอายุน้อยที่สุดของนิวซีแลนด์นับตั้งแต่ปี ค.ศ. 1856 เป็นต้นมา
พรรคแรงงานของเธอมีคะแนนตามมาเป็นที่ 2 ในการเลือกตั้งเมื่อเดือนก.ย.ที่ผ่านมา ที่ไม่มีพรรคใดได้เสียงข้างมาก โดยรัฐบาลผสมจะได้รับการสนับสนุนจากพรรคกรีน
ในการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งก่อนการเลือกตั้งเป็นการขับเคี่ยวกันระหว่างเธอซึ่งเป็นดาวรุ่งทางการเมืองกับบิล อิงลิช จากพรรค National
ผู้สนับสนุนกลุ่มใหญ่ที่แข็งแกร่งของพรรคแรงงาน ที่เรียกว่า ‘ กลุ่มคลั่งไคล้มาซินดา ’ หนุนให้พรรคได้รับความนิยมไล่ตามพรรค National อย่างสูสีแบบหายใจรดต้นคอ ถึงแม้จะแผ่วลงในช่วงท้ายๆของแคมเปญก็ตาม
โดยอาร์เดิร์นตั้งเป้าที่จะได้คะแนนเสียงจากกลุ่มคนรุ่นใหม่ในนิวซีแลนด์ด้วนโยบายด้านการอุดหนุนการศึกษา ที่อยู่อาศัยและสิ่งแวดล้อม
- เธอเข้ามาเกี่ยวข้องกับนักการเมืองฝ่ายซ้ายตั้งแต่ยังเป็นวัยรุ่น รวมทั้งเธอยังเคยเป็นที่ปรึกษาด้านนโยบายให้กับอดีตนายกรัฐมนตรีโทนี แบลร์แห่งสหราชอาณาจักรด้วย
- โดยเธอได้รับเลือกเข้ามาเป็นตัวแทนในสภาเป็นครั้งแรกในปี 2551 ด้วยอายุ 28 ปี และเพิ่งขึ้นเป็นหัวหน้าพรรคแรงงานเมื่อวันที่ 31 ก.ค.ปีนี้เอง
- นโยบายสำคัญในแคมเปญหาเสียงของเธอคือ แก้ปัญหาความไม่เท่าเทียมกัน จัดหาที่อยู่อาศัยให้ประชาชนในราคาที่ซื้อหาได้ และแก้ไขปัญหาหนี้ของนักศึกษา
- เธอให้ความสำคัญกับสิทธิสตรีและสุขภาพจิต
- เธอสนับสนุนการแต่งงานของเพศเดียวกัน
โดยเธอกล่าวให้สัมภาษณ์หลังจากมีการประกาศจัดตั้งรัฐบาลผสมว่า “ ดิฉันรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งและรู้สึกมีอภิสิทธิ์ที่หัวหน้าพรรคแรงงานจะได้อยู่ในตำแหน่งที่จะจัดตั้งรัฐบาล ” เธอกล่าวว่า รัฐบาลจะทำงานหนักเพื่อผลักดันให้แคมเปญที่สัญญาไว้ในช่วงหาเสียงเป็นจริง
มีรายงานข่าวว่า รัฐบาลผสมใหม่นี้ดูเหมือนจะส่งสัญญาณครั้งสำคัญที่จะตัดโควต้าการอพยพเข้าเมือง และมีการควบคุมการเป็นเจ้าของทรัพย์สินของชาวต่างชาติอย่างเข้มงวดขึ้น
ทั้งนี้ บิล อิงลิชขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของนิวซีแลนด์ในปี 2559 หลังจากอดีตนายกรัฐมนตรีจอห์น คีย์ ลาออกโดยไม่มีการคาดการณ์มาก่อน
จาซินดา อาร์เดิร์นได้พิสูจน์แล้วว่า เธอสามารถจัดการแคมเปญที่ดีได้และมีความสามารถในการทำข้อตกลงทางการเมือง แต่ตอนนี้เธอกำลังเผชิญกับการท้าทายครั้งใหม่
โดยสิ่งที่เธอต้องทำเป็นลำดับแรกคือ โน้มน้าวใจชาวนิวซีแลนด์ส่วนใหญ่ซึ่งไม่ได้ลงคะแนนเลือกเธอ ให้เชื่อในตัวเธอและพรรคของเธอที่ได้คะแนนมาเป็นที่ 2 แต่สามารถเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลได้.