เปิดตัว “กรุงไทย บัตรเดบิตเเมงมุม”
กรุงไทย เปิดตัว “บัตรเดบิตเเมงมุม” แห่งแรกของไทย เชื่อมบัตรโดยสารรถไฟฟ้าเครือข่าย รฟม.เข้ากับบัตรเดบิต พ่วงชำระค่าสินค้าและบริการทั่วไป แถมใช้จ่ายนอกประเทศในพื้นที่ของ “มาสเตอร์การ์ด” ได้อีก เผย BTS ส่อเปลี่ยนใจ หันร่วมโครงการ หลังรัฐบาลดันบัตรคนจนร่วมจ่ายค่าพาหนะทุกเดือน
นายผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย กล่าวเปิดตัว “กรุงไทย บัตรเดบิตแมงมุม” ว่าเป็นบัตรเดบิตบัตรแรกที่รวมความสะดวกของการใช้จ่ายและความสบายของการเดินทางในบัตรเดียวนอกจากใช้ชำระค่าโดยสารรถไฟฟ้ามหานครสายเฉลิมรัชมงคล (MRT สายสีน้ำเงิน) และสายฉลองรัชธรรม (MRT สายสีม่วง) แล้ว ยังใช้เบิก ถอน หรือโอนเงินสด รวมทั้งใช้ซื้อสินค้าและบริการได้ทั่วโลกณ ร้านค้าที่มีสัญลักษณ์ Mastercard
โดยตั้งเป้ายอดบัตรไม่ต่ำกว่า 100,000 ใบในสิ้นปีนี้ และจัดโปรโมชั่น ฟรี! ค่าธรรมเนียมแรกดข้า 100บาท และทุกการเติมเงิน 300 บาท จะได้เงินคืนในบัตร 30 บาท แต่ไม่เกิน 90 บาท ตั้งแต่วันที่ 27 กันยานยนจนถึงสิ้นเดือนพฤศจิกายน หรือจนกว่าจะครบ 20,000 ใบแรก ส่วนจะเพิ่มจำนวนยัตรหรือไม่ ขอประเมินสถานการณ์ความต้องการและความเหมาะสมอีกที
“แนะนำให้ผู้ถือบัตรเดบิตกรุงไทยเดิม (มีชิปเดียว) มาถือบัตรเดบิตแมงมุม (มี 2 ชิป และ 2 กระเป๋าเงิน)จะทำให้ประหยัดรายจ่ายค่าธรรมเนียมรายปี ที่จะต้องราว 200-300 บาทอยู่แล้ว นอกจากนี้ ธนาคารกรุงไทยยังร่วมลงทุนกับ รฟม. ฝั่งละ 250 ล้านบาท พัฒนาระบบ EMV เพื่อให้เกิดการเชื่อมต่อการใช้บัตรเครดิตของทุกแบงก์ทั้งในและนอกประเทศ ในการชำระค่าบริการรถไฟฟ้าในเครือข่ายของ รฟม. โดยกรุงไทยจะเป็นแกนหลักในการเชื่อมชำระเงินจากแบงก์ต่างๆ เหล่านั้น คาดว่าจะแล้วเสร็จในปลายปีนี้”นายพยงระบุ
ด้าน นายภคพงศ์ ศิริกันทรมาศ ผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) กล่าวว่า ในอนาคตจะขยายบริการให้ระบบตั๋วร่วมใช้กับแอร์พอร์ตลิงค์ และรถประจำทาง ขสมก. รวมถึงเครือข่ายแมงมุมอื่นในอนาคต ซึ่งจะช่วยยกระดับคุณภาพการให้บริการที่ตอบสนองความต้องการและสอดคล้องกับรูปแบบการใช้ชีวิตของคนเมือง ตลอดจนเป็นการส่งเสริมและกระตุ้นให้ประชาชนหันมาใช้บริการขนส่งสาธารณะมากยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ นอกจากระบบรถไฟฟ้าสีต่างๆ ของรฟม. ที่จะต้องเข้าร่วมโครงการ ทั้งกับบัตรแมงมุม และบัตรกรุงไทย เดบิตแมงมุมแล้ว ตอนนี้รถไฟฟ้าสายสีเขียว (BTS) ได้ทำหนังสือขอรายละเอียดโครงการบัตรแมงมุมแล้ว และมีแนวโน้มเข้าร่วมโครงการนี้ เนื่องจากขณะนี้ รฟม. อยู่ระหว่างการพัฒนาเทคโนโนโลยี เพื่อให้ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ที่รัฐบาลจ่ายให้เดือนละ 500 บาท เป็นค่าพาหนะสามารถ นำมาชำระเป็นค่าโดยสารในโครงการอนาคตอันใกล้นี้