สมาชิกเน็ตฟลิกซ์เพิ่มเกินคาด
เน็ตฟลิกซ์มีสมาชิกเพิ่มเกินคาดการณ์ทั่วโลกในไตรมาส 3 และตั้งเป้าการเติบโตในแนวทางเดียวกับการทำนายของตลาดหุ้นวอลล์สตรีท โดยระบุว่า จะมุ่งนำหน้าคู่แข่งในธุรกิจโทรทัศน์อินเทอร์เน็ตทั่วโลก
โดยหุ้นของเน็ตฟลิกซ์ ซึ่งเป็นบริการสตรีมมิ่งวีดีโออนไลน์ชั้นนำของโลกพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเมื่อวันที่ 16 ต.ค. และเพิ่มขึ้น 1.2% ไปอยู่ที่ 205.57 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อหุ้นหลังการซื้อขาย มูลค่าหุ้นของเน็ตฟลิกซ์ปรับเพิ่มขึ้นมาประมาณ 64% ในปีนี้
สำหรับไตรมาสที่ 3 เน็ตฟลิกซ์เพิ่มจำนวนสมาชิกได้อีก 5.3 ล้านรายในตลาดทั้งหมด เมื่อเทียบกับการคาดการณ์ของทางวอลล์สตรีทอยู่ที่ 4.5 ล้านราย อ้างอิงจากข้อมูลของ FactSet โดยบริษัทคาดการณ์ว่าจะเพิ่มจำนวนสมาชิกได้อีก 6.3 ล้านรายในไตรมาสปัจจุบัน ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยที่ 6.25 ล้านรายจากนักวิเคราะห์ ซึ่งจะช่วยหนุนให้เน็ตฟลิกซ์มีจำนวนสมาชิกทั่วโลกเกือบ 115.6 ล้านราย
เน็ตฟลิกซ์มีชื่อเสียงโด่งดังมาจากซีรีส์ที่ผลิตเองอย่างเรื่อง House of Cards ซึ่งทุ่มทุนด้านการผลิตอย่างสูง และมีคอนเทนต์ที่เข้าถึงตลาดในระดับนานาชาติ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญของการเติบโตส่วนใหญ่ของจำนวนสมาชิก
ในจดหมายที่รายงานต่อผู้ถือหุ้นประจำไตรมาส ทางเน็ตฟลิกซ์ระบุว่า จะเพิ่มงบประมาณในการสร้างสรรค์คอนเทนต์เป็น 7,000-8,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 2561
โดยในจดหมายยังระบุว่า“ความเคลื่อนไหวของเราในปี 2561 เราตั้งเป้าจะประสบความสำเร็จในการพัฒนาอย่างมีเสถียรภาพในผลประโยชน์ในระดับนานาชาติและมาร์จิ้นในการดำเนินการที่เติบโตขึ้น เนื่องจากเราประสบความสำเร็จในตลาดขนาดใหญ่ ซึ่งช่วยระดมเงินลงทุนจากนักลงทุนทั่วเอเชีย และที่อื่นทั่วโลก”
บริษัทต้องเผชิญกับการแข่งขันที่สูงขึ้นจากบริการสตรีมมิ่งรายอื่น เช่น ไพรม์ วีดีโอจากอเมซอน รวมถึงอีกหลายบริษัทที่เป็นสื่อดั้งเดิม โดยทางวอลต์ ดิสนีย์เองก็ตัดสินใจถอนภาพยนตร์ออกจากเน็ตฟลิกซ์ในสหรัฐฯ ในปี 2562 และจะเริ่มให้บริการออนไลน์ของตัวเอง
สมาชิกที่เพิ่มขึ้น 5.3 ล้านรายในไตรมาส 3 ของบริษัท เป็นสมาชิกจากตลาดต่างประเทศ 4.45 ล้านราย และ 850,000 รายในตลาดสหรัฐฯ ก่อนหน้านี้ ทางวอลล์สตรีทคาดการณ์ว่า จะมีสมาชิกในไตรมาส 3 ประมาณ 4.5 ล้านราย เป็นสมาชิกในต่างประเทศ 3.69 ล้านรายและ 810,000 รายในสหรัฐฯ อ้างอิงจาก FactSet
ทั้งนี้ รายรับของบริษัทเพิ่มขึ้นประมาณ 30% เป็น 2,990 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 99,567 ล้านบาทในไตรมาส 3
รายได้สุทธิเพิ่มขึ้นเป็น 130 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 29 เซ็นต์ต่อหุ้นในไตรมาสล่าสุด จากเดิม 52 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 12 เซ็นต์ต่อหุ้นในไตรมาสเดียวกันเมื่อปี 2559.