ผู้เชี่ยวชาญ คาด สถานการณ์แย่ลง ผู้เสียชีวิตจะเพิ่มขึ้นเพียบ
นพ.คำนวณ อึ้งชูศักดิ์ แนะรัฐ ปรับแผนฉีดวัคซีน ปล่อยไว้อย่างนี้ เสียชีวิตเพิ่มขึ้นแน่นอน
เมื่อวันที่ 2 ก.ค. นพ.คำนวณ อึ้งชูศักดิ์ นายแพทย์ผู้ทรงคุณวุฒิผู้เชี่ยวชาญในด้านระบาดวิทยา ที่ปรึกษาด้านวิชาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข รวมเสวนา “วัคซีนโควิด ไทยจะเดินต่อไปอย่างไร”
กล่าวถึงสถานการณ์การติดเชื้อที่สูงขึ้นต่อเนื่องว่า ประเทศไทยตอนนี้อยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อที่สำคัญ ว่า 3 เดือนหลังจากนี้ จนถึงเดือน ก.ย. อยู่ในช่วงที่เราจะตัดสินใจว่า จะเปิดประเทศได้หรือไม่ หรือสถานการณ์จะถลำลึกลงไปอีก
นพ.คำนวณ กล่าวว่า ขณะนี้ประเทศไทยอยู่ในสถานการณ์การติดเชื้อสายพันธุ์อินเดีย(เดลต้า) ทำให้มีคนเสียชีวิตวันละ 50 คนขึ้นไป ผู้เชี่ยวชาญทั้งหมดลงความเห็นตรงกันว่า เดือนหน้าและเดือนต่อๆไป สถานการณ์จะแย่ลงกว่าเดิม เพราะสายพันธุ์อินเดีย จะเข้ามายึดครองพื้นที่ โดยขณะนี้พบสายพันธุ์อินเดีย 40% ในระหว่าง ก.ค.และ ส.ค.ก็จะเป็นสายพันธุ์อินเดียทั้งหมด ซึ่งถือเป็นสายพันธุ์ที่มีการติดเชื้อได้อย่างรวดเร็วกว่าสายพันธุ์เดิมถึง 1.4 เท่า
“เดือน มิ.ย.ที่ผ่านมามีผู้เสียชีวิต 992 คน แต่ว่าเดือน ก.ค.จะมีคนเสียชีวิตประมาณ 1,400 คน เดือน ส.ค. 2,000 คน เดือน ก.ย. 2,800 คน ถ้ายังเป็นอย่างนี้ต่อไป เราจะไม่สามารถไปรอดได้”
นพ.คำนวณ กล่าวว่า ร้อยละ 80 ของผู้เสียชีวิต คือผู้สูงอายุและผู้ที่มีโรคประจำตัว ดังนั้น หากสามารถปกป้องคนกลุ่มนี้ได้ ก็จะสามารถลดการเสียชีวิตได้ เพราะจากข้อมูลพบว่าถ้าผู้สูงอายุ 100 คนที่ติดเชื้อก็จะเสียชีวิต 10 คน
“ขณะนี้ยุทธศาสตร์การฉีดวัคซีนของประเทศไทย คือการสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ โดยมีการฉีดแบบปูพรม ซึ่งการที่เราจะทำอย่างนั้นได้ ต้องมั่นใจว่าเมื่อฉีดครบ 70% แล้วจะสร้างภูมิคุ้มกันหมูได้จริง ซึ่งตอนหลังนักวิชาการเห็นตรงกันว่าทำไม่ได้ ดังนั้นการสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ อาจจะต้องฉีดวัคซีนให้ครอบคลุมประชากรถึง 90% และต้องใช้วัคซีนที่ดีมากๆ”
นพ.คำนวณ กล่าวว่า ดังนั้น ถ้าเรายอมรับว่าวัคซีนเรามีอย่างจำกัด ต้องมาทำความตกลงกันใหม่ตั้งแต่นายกรัฐมนตรี ศูนย์บริหารสถานการณ์ โควิด-19(ศบค.) และ ผู้ว่าราชการจังหวัด โดยเป้าหมายหลักของการฉีดวัคซีนคือการลดการเจ็บและการเสียชีวิตของผู้สูงอายุและคนกลุ่มเสี่ยงก่อน ซึ่งมีอยู่ประมาณ 17.5 ล้านคน วันนี้ฉีดไปได้แล้วประมาณ 2 ล้านคน ซึ่งหากทำเช่นนี้จะช่วยลดการเสียชีวิต
โดยเดือน ก.ค.จะยังอยู่ในหลักพันคน แต่เดือน ส.ค.จะลดลงอยู่ที่ประมาณ 800 คน เดือน ก.ย.เหลือประมาณ 600 ถึง 700 คน
“ตอนนี้นายกรัฐมนตรี , รมว.สาธารณสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดได้โคต้าฉีดวัคซีนไป คำถามอยู่ที่ว่าท่านจะฉีดให้ใครก่อน หากเลือกทางเลือกแรกคือฉีดแบบปูพรม จำนวนผู้ป่วยก็จะมากและรับไม่ไหว แต่ถ้าทุกคนเห็นตรงกันว่าควรเอาวัคซีนให้ผู้สูงอายุและคนกลุ่มเสี่ยงก่อน ซึ่งข้อมูลทางวิชาการพิสูจน์แล้วว่าผู้เสียชีวิตน้อยลง“