ธรรมนัส ผงาด นั่งพ่อบ้าน พปชร.
พปชร. ลงมติเอกฉันท์ประกาศ ให้ประวิตร ยืนหนึ่งหัวหน้าพรรคต่ออีกสมัย “รมช.ธรรมนัส” นั่งเก้าอี้เลขาพรรคคนใหม่ลุยภารกิจพรรคอันดับ 1
เมื่อวันที่ 18 มิ.ย. พรรคที่ประชุมใหญ่สามัญพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ประจำปีครั้งที่ 1/ 2564 ในวาระเลือกคณะกรรมการบริหารพรรคและหัวหน้าพรรคชุดใหม่ โดยในที่ประชุมได้มีการนับคะแนน และลงมติในตำแหน่งคณะกรรมการบริหารพรรค รวม 26 คน ดังนี้
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นหัวหน้าพรรคอีกสมัย แบบไร้คู่แข่ง โดยมีการเสนอเพียงรายชื่อเดียว บัตรดี 582 คะแนน บัตรเสีย 12 คะแนน
ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เป็นเลขาธิการพรรค โดยมีการเสนอชื่อเพียงรายชื่อเดียว ด้วยคะแนนเสียง 556 คะแนน บัตรเสีย 14 คะแนน ไม่ลงคะแนน 23 คะแนน
นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เป็นเหรัญญิกพรรค คะแนนเสียง 565 คะแนน
นายบุญสิงห์ วรินทร์รักษ์ เป็นนายทะเบียนพรรค
ทั้งนี้ ในส่วนคณะกรรมการบริหารพรรค ในที่ประชุมได้มีการนับคะแนนและลงมติ จำนวน 22 คน ดังนี้
1.นายสันติ พร้อมพัฒน์
2.นายวิรัช รัตนเศรษฐ
3.นายไพบูลย์ นิติตะวัน
4.นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ
5.นายสมศักดิ์ เทพสุทิน
6.นายอนุชา นาคาศัย
7.นายสรวุฒิ เนื่องจำนงค์
8.นายสุรพล ฟองงาม
9.นายนิโรธ สุนทรเลขา
10.นายไผ่ ลิกค์ ได้รับคะแนน
11.นายสัมพันธ์ มะยูโซ๊ะ
12.นางประภาพร อัศวเหม
13.นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์
14.นายอิทธิพล คุณปลื้ม
15.นายสุชาติ ชมกลิ่น
16.นายยงยุทธ สุวรรณบุตร
17.นายสุชาติ อุสาหะ
18.นายรงค์ บุญสวยขวัญ
19.นายจักรพันธ์ พรนิมิตร
20.นายสุรสิทธิ์ นิธิวรลักษณ์
21.นายอรรถกร ศิริลัทธยากร
22.นายสมเกียรติ วอนเพียร
ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ เปิดเผยว่า หลังจากที่เข้ารับตำแหน่งเลขาธิการพรรค จะมีการประชุมคณะกรรมการบริหาร เพื่อกำหนดทิศทาการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในอนาคตในระยะ1-2 ปีข้างหน้า ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ ซึ่งขณะนี้มีคณะกรรมการบริหาร ที่มี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นหัวหน้าพรรค และมีรองหัวหน้าพรรคจำนวน 4 ท่าน กรรมการ ที่จะร่วมกันทำงานในการกำหนดนโยบายของพรรค เพื่อทำงานให้ประเทศ และ พี่น้องประชาชน โดยเฉพาะในสถานการณ์บ้านเมืองที่ไม่ปกติในขณะนี้ที่มีการแพร่ระบาดเชื้อโควิด 19 ซึ่งต้องมีการกำหนดนโยบายที่ชัดเจน แม้ในช่วงที่ผ่านมจะมีการแพร่ระบาดทำให้การดำเนินนโยบายของพรรคมีการขับเคลื่อนไม่ต่อเนื่อง แต่นับจากนี้จะต้องมีกำหนดนโยบายและเดินหน้าไปด้วยกัน
“ที่ผ่านมามองว่าพรรคพลังประชารัฐ เป็นพรรคเฉพาะกิจ แต่หลังจากนี้ในการกำหนดนโยบายของพรรคจะต้องชัดเจนและเดินไปข้างหน้า เนื่องจากพรรคพลังประชารัฐเป็นสถาบันการเมืองที่เข้มแข็ง และจะต้องสร้างพลังให้เป็นหนึ่งเดียวซึ่งเป็นนโยบายของท่านหัวพรรคอยู่แล้ว”
ทั้งนี้ การได้เข้าบริหารในตำแหน่งเลขาธิการครั้งนี้ ในการกำหนดนโยบายและการทำงานในทุกๆเรื่องจะมีการนำเสนอและหารือกับท่านหัวหน้าพรรคอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เกิดการขับเคลื่อนพรรคไปข้างหน้า ดังนั้นภายใต้สถานการณ์การบริหารบ้านเมืองที่มีความวุ่นวายจากการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 จึงจำเป็นที่ต้องกำหนดทิศทางให้มีความชัดเจนและทำประโยชน์ให้กับประชาชนในด้านใดบ้าง
ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า ส่วนเรื่องปัญหาที่เกิดขึ้นในพรรคในช่วงที่ผ่านมา มั่นใจว่าคณะกรรมการชุดใหม่ จะไม่มีเหตุการณ์เหมือนในอดีต ส่วนในเรื่องการบริหารพรรคกับตำแหน่งทางการเมืองเป็นคนละเรื่องกัน ดังนั้น การเข้ามารับตำแหน่งเลขาธิการพรรคในครั้งนี้ พร้อมที่จะทำงานร่วมกับคณะกรรมการและสมาชิกพรรคให้เดินไปข้างหน้า
ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า อย่างไรก็ตามในส่วนการเตรียมความพร้อมในการเลือกครั้งใหม่ที่จะเกิดในอนาคต มั่นใจว่าการนำของหัวหน้าพรรค สามารถเดินไปข้างหน้าและเป็นพรรคใหญ่ที่มีความมั่นคง ซึ่งสะท้อนได้จากผลการเลือกตั้งซ่อมในช่วงที่ผ่านมาว่าพรรคพลังประชารัฐ ยังเป็นพรรคที่ไม่เคยพลาด เชื่อว่าพรรค พปชร.จะเป็นพรรคการเมืองอันดับ 1 ได้