กาตาร์ใช้เงินหนุนศก. 38,000 ล้าน
กาตาร์ได้ใช้เงินถึง 38,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯเพื่อพยุงเศรษฐกิจในช่วงที่มีกรณีพิพาทกับหลายประเทศอาหรับ อ้างอิงจากข้อมูลของสถาบันจัดอันดับมูดีส์
การค้า การท่องเที่ยวและภาคธนาคารของกาตาร์ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากมาตรการคว่ำบาตรที่เริ่มใช้มาตั้งแต่เดือนมิ.ย.จากซาอุดิอาระเบีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ อียิปต์ และบาห์เรน อ้างอิงจากมูดีส์
โดยมูดีส์ประเมินว่า เงินจำนวน 30,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯไหลออกจากระบบธนาคารของกาตาร์และคาดว่าจะมีการถอนเงินออกอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ ประเทศเพื่อนบ้านของกาตาร์กล่าวหาว่ากาตาร์ให้การสนับสนุนกลุ่มก่อการร้าย ซึ่งกาตาร์ปฏิเสธการสนับสนุนกลุ่มก่อการร้ายและกล่าวว่าวิกฤตครั้งนี้เป็นเรื่องการเมืองระหว่างประเทศ
รัฐบาลกาตาร์ย้ำว่า มีทรัพยากรเพียงพอที่จะปกป้องเศรษฐกิจของประเทศในช่วงระหว่างวิกฤต แต่นักลงทุนต่างประเทศมองว่า ไม่มีความคืบหน้าในการแก้ไขปัญหานี้
มูลค่าหุ้นในตลาดหุ้นของกาตาร์ร่วงลงมาถึง 15% ในเวลา 100 วัน และดิ่งลงมาต่ำสุดในรอบ 52 สัปดาห์ในสัปดาห์นี้
ทางมูดี้ส์ประเมินว่า กาตาร์ใช้เงินงบประมาณไปถึง 38,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 23% ของจีดีพี เพื่อพยุงเศรษฐกิจในช่วง 2 เดือนแรกของวิกฤต
โดยมูดีส์ยังเตือนว่า กรณีพิพาททางการทูตได้สั่นคลอนความมั่นคงในภูมิภาคประเทศอ่าวเปอร์เชียและอาจสร้างผลกระทบด้านลบแก่แนวโน้มเครดิตกับทุกประเทศที่เกี่ยวข้อง
“ ความรุนแรงของกรณีขัดแย้งทางการทูตระหว่างประเทศในอ่าวเปอร์เชียเป็นเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ซึ่งเพิ่มความผันผวนให้กับผลกระทบด้านเศรษฐกิจ งบประมาณ และสังคมกับกลุ่มประเทศความร่วมมืออ่าวอาหรับ หรือ GCC โดยรวม ” Steffen Dyck รองประธานมูดีส์กล่าว
“ ขณะที่เราคาดการณ์ว่า GCC จะเอาชนะความแตกแยก ความตึงเครียดที่ยังมีอยู่ หรือหากมันเพิ่มขึ้นกว่านี้ อาจส่งผลด้านลบต่อเครดิตสำหรับกาตาร์และบาห์เรนได้ ”
มูดีส์ชี้แจงว่า หนี้ที่เพิ่มขึ้น การออกตราสารหนี้เพิ่มขึ้นจากประเทศ GCC อื่น และดอกเบี้ยที่ปรับขึ้นของสหรัฐฯ เพิ่มแรงกดดันให้กับค่าใช้จ่ายการคลังของบาห์เรนมาตั้งแต่ปี 2557