บสก.พร้อมดึงเทคโนโลยีช่วยทำงาน
บสก.ยอมรับพฤติกรรมลูกค้า เน้นดูทรัพย์ด้วยตาตัวเองมากกว่าใช้บริการเว็บไซต์ ระบุ พร้อมนำเทคโนโลยีล้ำสมัยมาใช้ดำเนินงาน ควบคู่กับการวางระบบป้องกันภัยแฮกเกอร์ ชี้ปลายปีนี้มีสิทธิ์เข้าเทรดในตลาดหุ้น เชื่อส่งผลดีต่อการดำเนินงานทุกด้าน
นายบรรยง วิเศษมงคลชัย ประธานกรรมการบริหาร บมจ.บริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ (บสก.)กล่าวถึงแนวทางการเป็น Digital Enterprise ว่า แม้ บสก.จะมุ่งเน้นให้บริการลูกค้า ผ่านช่อง Digital Marketing เพื่อให้เข้าถึงความต้องการของลูกค้าทุกกลุ่ม แต่ข้อเท็จจริง คือ ช่องทางนี้ยังต้องพัฒนาอีกมาก อีกทั้งพฤติกรรมของลูกค้าในกลุ่มธุรกิจนี้ มักเน้นที่การเดินทางมาดูทรัพย์สินรอการขาย (เอ็นพีเอ) ด้วยตนเอง มากกว่าจะดูผ่านเว็บไซต์ที่ บสก.ได้ดำเนินการผ่านช่องทาง Market Place ไปแล้ว
ส่วนกรณีที่ นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ออกมาระบุก่อนหน้านี้ ว่าไม่เพียงธนาคารพาณิชย์จะตกเป็นเป้าโจมตีของแฮ็กเกอร์ต่างชาติ แต่ยังรวมถึงธุรกิจและอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ที่ต้องระวังเอาไว้ด้วย นายบรรยงกล่าวว่า แม้ บสก.จะไม่อยู่ในข่ายการโจมตีข้อมูลของแฮ็กเกอร์ต่างชาติ อีกทั้งการโอนสินทรัพย์ใดๆ มิอาจจะทำได้เพียงแค่การเข้ามาแฮ็กข้อมูล แต่ต้องไปโอนต่อหน้าเจ้าหน้าที่รัฐ กระนั้น บสก.ก็ไม่ประมาท และเตรียมการยกระดับทั้งการพัฒนาเทคโนโลยีที่ทันสมัย ควบคู่กับการสร้างระบบป้องกันตัวเองจากการถูกโจมตี ทั้งการลงทุนด้านบุคลากร ด้านอุปกรณ์ที่ทันสมัยมรวมถึงการดึงเอาผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางมาช่วยในการวางระบบและพัฒนาด้านบุคลากรต่อไป
สำหรับการนำหุ้นของ บสก.ไปจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) นั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการจัดทำเอกสารในขั้นตอนสุดท้าย คาดว่าจะแล้วเสร็จและยื่นเสนอต่อ ตลท.ได้ภายในสิ้นปีนี้ ซึ่งหาก บสก.ได้เข้าเป็นบริษัทจดทะเบียนฯแล้ว เชื่อว่าส่งผลดีต่อการดำเนินงาน ทั้งเรื่องการระดมทุนที่มีต้นทุนต่ำ การเพิ่มศักยภาพและประสิทธิภาพในการแข่งขัน รวมถึงสร้างโอกาสในธุรกิจ และการเป็นองค์กรที่ช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับสถาบันการเงินของไทย เนื่องจากไม่ต้องพะวงกับการดูแลและจัดการสินทรัพย์ด้อยคุณภาพเหล่านั้น โดยสามารถจะตัดขายได้ทุกเมื่อและได้ราคาดีกว่าขายในยามที่เกิดวิกฤติเศรษฐกิจ.