เกาหลีใต้เป็นเสาหลักเทคโนโลยีทั่วโลก
เนื่องจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐฯ ขู่ว่าจะทบทวนความสัมพันธ์ทางการค้ากับเกาหลีใต้ และความตึงเครียดกับเกาหลีเหนือที่ยังคงมีอยู่ นักวิเคราะห์จึงพยายามชี้ให้เห็นว่า เกาหลีใต้มีบทบาทสำคัญเพียงใดกับอุตสาหกรรมเทคโนโลยีทั่วโลก
เมื่อสัปดาห์ก่อน คิม ซูคยอม ผู้อำนวยการโครงการของการทำวิจัยเซมิคอนดักเตอร์ที่บริษัทวิจัย IDC ได้เปิดเผยข้อมูลว่า เกาหลีใต้มีส่วนแบ่งถึง 17% ในตลาดเซมิคอนดักเตอร์ และสูงถึง 64% ในตลาดเมมโมรี่ชิป
“ หากเกาหลีใต้ได้รับผลกระทบจากขีปนาวุธ ซัพพลายชิปของทั่วโลกจะหยุดชะงักลงทันที และสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ทั้งหมดจะหยุดด้วย ” เขากล่าว
แน่นอนว่าความขัดแย้งทางกองทัพของหลายประเทศในภูมิภาคจะส่งผลต่อชีวิตผู้คนหลายสิบล้านคนและอุตสาหกรรมเทคโนโลยี
ทั้งนี้ เกาหลีเหนืออ้างความสำเร็จในการทดสอบระเบิดไฮโดรเจนเมื่อวันที่ 3 ก.ย.ที่ผ่านมา โดยผู้เชี่ยวชาญระบุว่า แรงสั่นสะเทือนจากระเบิดครั้งนี้เท่ากับความรุนแรงจากแผ่นดินไหว และมีแรงระเบิดที่มากถึง 100 กิโลตัน เมื่อเทียบกับแรงระเบิดประมาณ 15 กิโลตันจากระเบิดนิวเคลียร์ที่ถล่มเมืองฮิโรชิมาในญี่ปุ่นช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 เมื่อปี 2488
เมื่อเดือนพ.ค. Capital Economics ระบุว่่า เกาหลีใต้เป็นผู้ผลิตจอภาพผลึกเหลวรายใหญ่ที่สุดในโลก โดยมีส่วนแบ่งการตลาดถึง 40% ของตลาดทั้งหมด และเป็นผู้ผลิตรายใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 4 ของโลกเมื่อรวมกับมูลค่าสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ทั้งหมด
“ หากการผลิตของเกาหลีใต้ถูกทำลายเสียหายจากสงคราม จะเกิดการขาดแคลนทั่วโลก โดยไลน์การผลิตจะหยุดชะงักเป็นระยะเวลาหนึ่ง ต้องใช้เวลาประมาณ 2 ปีจึงจะสร้างโรงงานผลิตเซมิคอนดักเตอร์ขึ้นมาใหม่ได้จากซากปรักหักพัง ” แกเร็ธ เลเธอร์ และ คริสตัล ตันระบุในรายงานของ Capital Economics
“ เกาหลีใต้มีบทบาทสำคัญในฐานะผู้ผลิตชิ้นส่วนตั้งต้นของกระบวนการผลิตสินค้าอิเล็กทรอนิกส์อื่นๆ จึงไม่มีศักยภาพในการผลิตชิ้นส่วนอะไหล่มากเพียงพอในประเทศอื่นทั่วโลกที่จะมาชดเชยความเสียหายที่เกาหลีใต้ได้ บริษัทจำนวนมากนอกเกาหลีใต้จะถูกบังคับให้หยุดการผลิตสินค้าไปโดยปริยาย ”
เพราะการส่งออกของเกาหลีใต้เป็นจุดเริ่มต้นของซัพพลายเชนทั่วโลก นักเศรษฐศาสตร์จำนวนหนึ่งจึงใช้ข้อมูลการค้าของเกาหลีใต้เป็นมาตรชี้วัดแนวโน้มการค้าทั่วโลกล่วงหน้า.