สหรัฐฯ ฉีดวัคซีนแล้วไม่สวมแมสก์ อาจเสี่ยงติดเชื้อเพิ่ม
เมื่อวันที่ 20 พ.ค. นักวิทยาศาสตร์กลุ่มโรคติดเชื้อของสหรัฐฯ ระบุว่า คำแนะนำใหม่เรื่องหน้ากากอนามัยของ CDC อาจเพิ่มความเสี่ยงที่โควิด-19 จะแพร่ระบาดมากขึ้นในสถานที่สาธารณะและสถานที่ทำงานในสหรัฐฯ
ในสัปดาห์ที่แล้ว ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคสหรัฐฯ หรือ CDC ปรับเปลี่ยนคำแนะนำในการสวมหน้ากากอนามัยสำหรับชาวอเมริกันที่ฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 ครบ 2 โดสแล้วว่า ไม่จำเป็นต้องสวมหน้ากากอนามัยในสถานที่ส่วนใหญ่ทั้งในร่มและกลางแจ้ง ทางการระบุว่า พวกเขาปรับเปลี่ยนคำแนะนำ เพราะผลวิจัยชี้ว่า วัคซีนมีระดับการป้องกันโควิด-19 สูง ทั้งในส่วนที่ไม่ทำให้มีอาการรุนแรงจากโรคและอัตราการแพร่เชื้อให้คนอื่น
“ยังไม่มีการถกเถียงกันเกี่ยวกับความจริงเรื่องนี้” ดร.เจฟฟรีย์ ดูชิน ซึ่งรั้งตำแหน่งคณะกรรมการที่ปรึกษาด้านภูมิคุ้มกันระบุในการแถลงข่าวที่จัดขึ้นโดยสมาคมโรคติดเชื้อแห่งอเมริกาเมื่อวันที่ 20 พ.ค. อย่างไรก็ตาม คำประกาศของหน่วยงานทำให้เกิดความสับสนและไม่พอใจเพราะ “เป็นสิ่งที่คาดไม่ถึงและขาดบริบทที่จำเป็นสำหรับรัฐและประชาคมสาธารณสุขที่จะปฏิบัติตาม”
โดยดูชินเป็นผู้ประสานงานสมาคมของคณะกรรมการภูมิคุ้มกันของ CDC โดยสมาคมเป็นตัวแทนผู้เชี่ยวชาญโรคติดเชื้อชั้นนำในสหรัฐฯ
แพทย์ทั่วประเทศและบุคลากรทางการแพทย์ส่วนกลางย้ำว่า เฉพาะผู้ที่ฉีดวัคซีนแล้วมีความปลอดภัยพอที่จะไม่ต้องสวมหน้ากากอนามัย มีการตีความคำแนะนำของ CDC ผิดพลาดทำให้รู้สึกว่าโรคระบาดจบแล้ว และการกำหนดให้ประชาชนสวมหน้ากาก จะยิ่งเป็นเรื่องยากขึ้นสำหรับเจ้าหน้าที่ หลายรัฐทั่วประเทศใช้ข่าวนี้เป็นเกณฑ์การผ่อนคลายการบังคับสวมหน้ากากอนามัย อย่างเช่นเกร็ก แอบบอต ผู้ว่าการรัฐเท็กซัสใช้คำแนะนำใหม่เป็นเกณฑ์ในการลงนามคำสั่งพิเศษที่ขู่จะปรับเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นและเทศบาลไม่ให้ยกเลิกการสวมหน้ากาก
ดุชินระบุว่าทั้งผู้ที่ฉีดวัคซีนแล้วและผู้ที่ไม่ได้ฉีดวัคซีนมีความปลอดภัยเพียงพอที่จะอยู่กลางแจ้งโดยไม่สวมหน้ากาก แต่ไม่ใช่สำหรับพื้นที่ในร่ม
“ตอนนี้ ความเสี่ยงที่โควิด-19 จะแพร่ระบาดเพิ่มขึ้นในสถานที่ในร่มที่มีคนพลุกพล่านสำหรับผู้ที่ไม่ได้ฉีดวัคซีน และโดยเฉพาะผู้ที่มีปัญหากับระบบทางเดินหายใจ” ดูชินระบุ โดยชี้ว่าการไม่บังคับให้สวมหน้ากากในอาคาร “อาจทำให้เกิดความเสี่ยงมากขึ้นในสถานที่สาธารณะ และสถานที่ทำงานสำหรับผู้ที่ไม่ได้ฉีดวัคซีน”
มีการฉีดวัคซีนเพิ่มขึ้นทั่วประเทศสหรัฐฯ และผู้ที่ฉีดวัคซีนแล้วส่วนใหญ่เป็นประชากรผู้ใหญ่ที่มีอายุมาก แต่กลุ่มผู้ที่มีอายุน้อยยังคงไม่ได้ฉีดวัคซีน
นักวิทยาศาสตร์ยังระบุว่า ประชาชนจำเป็นต้องตระหนักว่า มีความผันผวนเกี่ยวกับการระบาดในอนาคต ผลกระทบของไวรัสกลายพันธุ์ ภูมิคุ้มกันอยู่ได้นานแค่ไหน และโอกาสที่โควิด-19 จะอุบัติขึ้นมาใหม่ได้อีก
ดร.จีน มาราซโซระบุว่า ประชาชนเกือบครึ่งในสหรัฐฯคือประมาณ 160.2 ล้านคนได้รับวัคซีนแล้วอย่างน้อย 1 เข็ม แต่มีประชากรโลกเพียง 4.6% เท่านั้นที่ฉีดวัคซีนเข็มแรกแล้ว
“ประชาชนจำเป็นต้องให้ความสนใจว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น และให้ความสนใจอัตราการฉีดวัคซีน เรื่องไวรัสกลายพันธุ์ และคิดเกี่ยวกับการเตรียมพร้อมหากมีการติดเชื้อเพิ่มอีก” มาราซโซเตือน