อียูต้องปฏิรูปแรงงานข้ามชาติ
ประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครงแห่งฝรั่งเศสเตือนว่า สหภาพยุโรปมีความเสี่ยงจะแตกแยกกันหากไม่มีการปฏิรูปกฎเกณฑ์ที่มีต่อแรงงานข้ามชาติ
โดยเขากล่าวในระหว่างการเยือนโรมาเนีย ซึ่งเป็นหนึ่งในอดีตประเทศคอมมิวนิสต์ที่มีค่าแรงและสวัสดิการสังคมต่ำ ส่งผลให้แรงงานชาวโรมาเนียถูกจ้างทำงานรายวันในราคาถูกเป็นจำนวนมากในฝรั่งเศส และประเทศที่ร่ำรวยกว่าในยุโรป
ประธานาธิบดีมาครงกล่าวว่า “ บางวงรอบของการเมืองและธุรกิจในอียู พยายามส่งเสริมการทุ่มตลาดทางสังคมและงบประมาณ”
ผู้นำฝรั่งเศสต้องการให้มีการปฏิรูปกฎเกณฑ์ให้กว้างขึ้น เนื่องจากปีนี้ล้มเหลวที่จะทำ เขาสัญญากับผู้ใช้สิทธิ์ลงคะแนนในการเลือกตั้งฝรั่งเศสว่า เขาจะต่อสู้กับการทุ่มตลาดทางสังคมในอียู
โดยการเลือกคนทำงานจากประเทศที่มีค่าแรงต่ำในยุโรปกลางและยุโรปตะวันออก บางบริษัทเลี่ยงที่จะจ่ายเงินให้กับการประกันสุขภาพและสวัสดิการสังคมของแรงงาน ธุรกิจก่อสร้างเป็นสิ่งที่ควรให้ความสำคัญกับคำร้องเรียนจากการนำเข้าแรงงานอียูเข้ามาทำงานในฝรั่งเศส
ฝรั่งเศสได้กดดันมายาวนานให้มีการปฏิรูปทิศทางการเคลื่อนย้ายแรงงานเสรี ซึ่งอนุญาตให้บริษัทส่งแรงงานราคาถูกกว่าไปยังประเทศในอียู และรักษาเงื่อนไขการจ้างงานที่มีอยู่ ไม่ใช่เฉพาะประเทศที่จ้างงานเท่านั้น
ในปี 2558 มีแรงงานที่ทำงานในประเทศอื่นในอียู 2.05 ล้านคน โดยจำนวนเพิ่มขึ้นถึง 41.3% เมื่อเทียบกับปี 2553
โดยหนึ่งในเป้าหมายของมาครงคือ ลดจำนวนคนว่างงานในฝรั่งเศส ซึ่งสูงถึง 9.6% ในเดือนมิ.ย. ขณะที่อดีตคู่แข่งลงสมัครรับเลือกตั้งชิงตำแหน่งประธานาธิบดีอย่างมารีน เลอ เปนกล่าวหาอียูที่มีเงื่อนไขที่ไม่เป็นธรรมกับความสามารถในการแข่งขัน และกับความเสียหายของแรงงานฝรั่งเศส
Beata Szydlo นายกรัฐมนตรีโปแลนด์เตือนว่า “ เราจะไม่เปลี่ยนแปลงจุดยืนของเรา เราจะปกป้องสถานะของเราให้ถึงที่สุด เพราะเป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับแรงงานโปแลนด์ ”
ผู้นำฝรั่งเศสเดินสายเยี่ยมเยือนยุโรปโดยมีเป้าหมายเพื่อให้หลายประเทศสนับสนุนการปฏิรูปแรงงาน แต่โปแลนด์และฮังการีคลางแคลงใจนโยบายการกีดกันแรงงาน พวกเขากลัวว่า การปฏิรูปจะเป็นการบ่อนทำลายเสรีภาพของแรงงาน โดยฝรั่งเศสต้องการให้แรงงานสามารถทำงานในต่างประเทศได้สูงสุด 12 เดือนต่อการจ้างงานหนึ่งครั้ง.