ฝ่ายค้าน จี้ นายกฯ ลาออกทันที บริหารโควิดล้มเหลว
พรรคร่วมฝ่ายค้าน นำโดย สมพงษ์ แถลง จี้ ประยุทธ์ ลาออก หลังบริหารโควิด-19 ล้มเหลว
วันที่ 28 เม.ย. ที่รัฐสภา แกนนำ 6 พรรคร่วมฝ่ายค้าน ร่วมกันแถลงผลการประชุมพรรคร่วมฝ่ายค้าน โดย นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) และผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร เป็นตัวแทนอ่านแถลงการณ์ของพรรคร่วมฝ่ายค้าน ระบุว่า การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ทำให้จำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ พรรคเพื่อไทย ยึดถือประโยชน์ของประชาชนทุกคนเป็นสำคัญ และได้ปรับองคาพยพและสรรพกำลังที่มีอยู่ ลงพื้นที่และประสานการช่วยเหลือพี่น้องประชาชนอย่างเร่งด่วน
อย่างไรก็ตามจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องไม่ลืมต้นต้นเหตุแห่งปัญหา ซึ่งวิกฤตโควิด-19 ครั้งนี้ปฏิเสธไม่ได้ว่า ต้นเหตุสำคัญส่วนหนึ่งเกิดจากการบริหารประเทศที่ผิดพลาดของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จนสร้างปัญหาและผลกระทบต่อประชาชนอย่างแสนสาหัส ทำให้ประเทศไทยกลายเป็นประเทศที่พ่ายแพ้ต่อโควิด-19 และพ่ายแพ้ด้านเศรษฐกิจอย่างไม่น่าให้อภัย
พรรคร่วมฝ่ายค้าน ได้ออกแถลงการณ์เรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ ลาออกและรัฐบาลจะต้องยุติบทบาทในการบริหารประเทศโดยทันทีด้วยการลาออก เพื่อระงับความเสียหายที่จะเกิดขึ้น และเปิดโอกาสให้มีรัฐบาลมืออาชีพ มีความรู้ความสามารถ ไม่ยึดติดกับอำนาจและผลประโยชน์เข้ามาบริหารประเทศ โดยชี้ให้เห็นความล้มเหลวของรัฐบาลประยุทธ์ ดังนี้
1. ล้มเหลวและมีความผิดพลาดในการจัดการการระบาดของโควิด-19 ทั้งการจัดหาวัคซีน การกระจายวัคซีน การฉีดวัคซีน จนกลายเป็นประเทศที่มีจำนวนวัคซีนและฉีดวัคซีนอันดับท้ายๆ ในภูมิภาค อีกทั้งรัฐบาลกลับเป็นต้นตอเสียเองในการระบาดในหลายๆ ระลอก ความล้มเหลวในการควบคุมการระบาดจนกลายเป็นประเทศที่อัตราการแพร่เชื้อต่อคนสูงที่สุดในโลกในช่วงเวลาหนึ่ง การจัดการเรื่องเตียง และ ICU ผิดพลาดจนประชาชนต้องนอนรอความตายโดยไม่สามารถเข้าสู่ระบบสาธารณสุขได้
2. ล้มเหลวในการบริหารจัดการด้านเศรษฐกิจ ตลอดเวลาที่บริหารมาเกือบ 7 ปีที่ย่ำแย่อย่างหนัก อีกทั้งการระบาดของโควิด-19 ทำให้ประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่ล้มเหลวที่สุดในโลกด้านเศรษฐกิจ และเป็นหนึ่งในประเทศที่ฟื้นตัวช้าที่สุดในโลก เศรษฐกิจปากท้องประชาชนยากลำบากจากมาตรการเยียวยาที่ผิดพลาด ไม่ตรงจุด ไม่เพียงพอ ธุรกิจล้มตายจำนวนมาก เพราะมาตรการด้านสินเชื่อล้มเหลว แรงงานว่างงานมากสุดในรอบกว่าสิบปี พี่น้องประชาชนเข้าสู่ภาวะไม่ตายเพราะโรค ก็ตายเพราะไม่มีจะกิน
3. ล้มเหลวในการสร้างความเป็นหนึ่งเดียวของคนทั้งประเทศ สนับสนุนพวกพ้อง ทำลายผู้เห็นต่าง สร้างความแตกแยกในสังคมอย่างที่ไม่เคยปรากฎมาก่อน อาศัย พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ เป็นเครื่องมือและข้ออ้าง เพื่อดำรงไว้ซึ่งผลประโยชน์และอำนาจของตน โดยไม่ได้ใช้เพื่อการควบคุมการระบาดแต่อย่างใด หลอกลวงประชาชนเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพียงเพื่อต้องการรักษาอำนาจและต่อท่ออำนาจของตนเองให้ขยายออกไป นอกจากนี้ภายใต้กลไกของรัฐธรรมนูญ ปี 2560 แม้จะมีปัญหาการทุจริตเกิดขึ้นมากมาย แต่สุดท้ายก็ไม่มีใครเอาผิดได้ จนทำให้การทุจริตคอร์รัปชันในช่วงของรัฐบาลนี้สูงสุดเป็นประวัติการณ์
4. ความล้มเหลว ไร้ความสามารถ ไร้ประสิทธิภาพ ทุจริตคอร์รัปชันเพื่อตนเองและพวกพ้อง ไร้ทิศทางในการบริหารราชการแผ่นดินเหล่านี้ ถ้าปล่อยไป รังแต่จะสร้างความเสียหายให้กับประเทศและประชาชนจนไม่สามารถกอบกู้กลับมาได้ กลายเป็นความเสียหายถาวรต่อประเทศ โดยประเทศไทยจะกลายเป็นประเทศที่พ่ายแพ้ต่อโควิด-19 และพ่ายแพ้ด้านเศรษฐกิจ อย่างไม่น่าให้อภัย พรรคร่วมฝ่ายค้านจึงเห็นว่า เพื่อระงับความเสียหายที่จะเกิดขึ้น รัฐบาลจำเป็นต้องยุติบทบาทในการบริหารประเทศโดยทันทีด้วยการลาออก เพื่อเปิดโอกาสให้มีรัฐบาลมืออาชีพ มีความรู้ความสามารถ ไม่ยึดติดอยู่กับอำนาจและผลประโยชน์เข้ามาบริหารประเทศ
นายสมพงษ์ กล่าวว่า ต้นเหตุสำคัญอีกประการคือ รัฐธรรมนูญ 2560 ที่ถูกทำให้เป็นฐานรองรับเจตนาสืบทอดอำนาจ ดังนั้นหากต้องการก้าวไปสู่ประเทศประชาธิปไตย จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องตัดต้นตอของปัญหา ด้วยการผลักดันให้ร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติให้มีผลบังคับใช้ เพื่อจัดทำประชามติยกเลิกรัฐธรรมนูญฉบับเก่า แล้วจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่โดยประชาชน ซึ่งจะต้องเกิดขึ้นคู่ขนานไปกับการเดินหน้ายกเลิกอำนาจของวุฒิสภาในการเลือกนายกรัฐมนตรี เพื่อตัดวงจรสืบทอดอำนาจเผด็จการอย่างถาวร
ขณะเดียวกัน พรรคร่วมฝ่ายค้านได้รวบรวมข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายเพื่อดำเนินคดี พล.อ.ประยุทธ์ โดยจะยื่นหนังสือขอให้ ปปช. ไต่สวนและมีความเห็น กรณีมีพฤติการณ์จงใจปฏิบัติหน้าที่ขัดต่อบทบัญญัติรัฐธรรมนูญแห่งราชอาญาจักรไทย พ.ศ. 2560 มาตรา 53 และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรงโดยได้ปล่อยปละละเลยไม่ปฏิบัติตามและบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด ทำให้เชื้อโรคโควิด-19 กลับมาแพร่ระบาดใหญ่ ประชาชนต้องล้มป่วยและเสียชีวิตไปจำนวนมาก