บราซิลคุมไม่อยู่ ตายจากโควิด-19 พุ่ง
ตั้งแต่ต้นปี การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในระลอกสองทำให้บราซิลมีผู้ป่วยเสียชีวิตเกิน 300,000 รายแล้ว เฉพาะในวันที่ 8 เม.ย.เพียงวันเดียว บราซิลมีผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 พุ่งทุบสถิติถึง 4,247 ราย
ทำให้ตอนนี้ บราซิลกลายเป็นศูนย์กลางการแพร่ระบาดของโควิด-19 ของโลก และผู้เชี่ยวชาญเตือนว่า อาจมีชาวบราซิลเสียชีวิตจากโควิด-19 มากถึง 5,000 รายในวันเดียวในเดือนเม.ย.นี้อีก
ความกังวลส่วนใหญ่เกิดจากไวรัสกลายพันธุ์ P1 ซึ่งเป็นสายพันธุ์ที่พบในบราซิล หากบราซิลไม่สามารถควบคุมอัตราการแพร่เชื้อสูงได้ ผู้เชี่ยวชาญกังวลว่า โศกนาฎกรรมของระบบสาธารณสุขในบราซิลอาจส่งผลกระทบร้ายแรงกับโลก และหากไวรัสยังคงกระจายได้โดยไร้การควบคุม อาจกลายพันธุ์เป็นสายพันธุ์ใหม่ได้อีก
ประเทศเพื่อนบ้านปิดพรมแดนประเทศที่ติดกับบราซิลเพื่อป้องกันไวรัสสายพันธุ์ใหม่ไม่ให้กระจายไปทั้งทวีปและทำลายประสิทธิภาพของวัคซีน
“ เราเป็นห่วงมาก จำนวนผู้เสียชีวิตในบราซิลในช่วงไม่กี่เดือนนี้ทำให้เรากังวลมาก” ฮัมเบอร์โต เดอแบต นักไวรัสวิทยาและนักวิจัย จากสถาบันเทคโนโลยีการเกษตรแห่งชาติกล่าวให้สัมภาษณ์
ประธานาธิบดีฌาอีร์ โบลโซนารูแห่งบราซิลโดนตำหนิมากขึ้นที่ดูถูกและประเมินความร้ายแรงของไวรัสโคโรนาต่ำเกินไปตั้งแต่แรก
แม้แต่ในช่วงมืดมนที่สุดของการแพร่ระบาด ผู้นำประเทศที่มีแนวคิดขวาตกขอบผู้นี้ก็ยังเมินเฉยต่อข้อเรียกร้องของบุคลากรสาธารณสุขให้ประกาศล็อกดาวน์ทั่วประเทศ เขากล่าวโจมตีการสวมหน้ากากอนามัย ต่อต้านวิทยาศาสตร์แต่กลับแนะนำวิธีการรักษาที่ไม่ได้มีการพิสูจน์ และในสัปดาห์ที่แล้ว เขากล่าวกับประชาชนว่า ไม่มีประโยชน์ที่จะร้องไห้ให้กับเรื่องที่แก้ไขไม่ได้แล้ว ซึ่งหมายถึงตัวเลขผู้เสียชีวิตที่พุ่งขึ้นมา
ผู้เชี่ยวชาญระบุว่า การขาดมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมทำสร้างสภาพแวดล้อมให้ไวรัสสามารถกลายพันธุ์ได้
เชื่อกันว่าไวรัสสายพันธุ์ P1 นี้อุบัติขึ้นในป่าอเมซอนของบราซิลปลายปีที่แล้ว และไม่กี่สัปดาห์ต่อมา ก็ทำให้ระบบสาธารณสุขในเมืองมาเนาส์ล่มสลาย
จากข้อมูลของสถาบันวิจัย Fiocruz มีผู้ติดเชื้อไวรัสกลายพันธุ์ P1 คิดเป็นกว่า 80% ของผู้ติดเชื้อในเมืองที่มีประชากรหนาแน่น อย่างริโอเดอจาเนโรและเซาเปาโล ขณะที่เมื่อ 3 เดือนก่อน ผู้ติดเชื้อจากไวรัสกลายพันธุ์นี้คือ 0%
หลังจากประธานาธิบดีโบลโซนารูปฏิเสธที่จะประกาศล็อกดาวน์ทั่วประเทศในวันที่ 7 เม.ย. ทำให้ผู้เชี่ยวชาญกังวลว่าอัตราการแพร่เชื้อจะพุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง
“ ตัวเลขผู้เสียชีวิตเกิน 4,000 รายในวันที่ 6 เม.ย. ชี้ว่า ไวรัสกำลังแพร่กระจายเป็นจำนวนมาก มีการกลายพันธุ์และมีวิวัฒนากkรอย่างรวดเร็ว ไวรัสพยายามหาทางเอาชนะแอนตีบอดีตามธรรมชาติ” เฟลิเป นาเวกา นักไวรัสวิทยาจาก Fiocruz Amazonas กล่าว
มาตรการฉีดวัคซีนในบราซิลเป็นไปอย่างล่าช้า เป็นผลจากการบริหารจัดการที่ผิดพลาดและขาดความร่วมมืออย่างเร่งด่วนจากโบลโซนารู จนถึงตอนนี้ มีไม่ถึง 10% จากประชากรทั้งประเทศ 212 ล้านคนที่ได้ฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 แล้ว นอกจากนี้ ยังพบว่า วัคซีนซิโนแวคของจีนมีประสิทธิภาพเพียง 50% ในการป้องกันไวรัสสายพันธุ์บราซิลด้วย
มีการตรวจพบไวรัสสายพันธุ์นี้ในอาร์เจนตินา ปารากวัย โคลอมเบีย เปรูและชิลี รวมถึงแคนาดาและสหรัฐฯ
ผู้เชี่ยวชาญระบุว่า การปิดพรมแดนอาจไม่ทันการเนื่องจากไวรัสได้แพร่กระจายไปแล้ว
“ สายเกินไปที่จะกำจัดไวรัสสายพันธุ์ P1 และก็สายเกินไปที่จะสร้างภูมิคุ้มกันหมู่กับการระบาดระลอกสอง มีผู้สูงอายุเกิน 70 ปีขึ้นไปในอาร์เจนตินาที่ฉีดวัคซีนโดสแรกแล้วเพียง 40% และเรายังคงล่าช้าอยู่” เดอแบตอธิบาย
“ ต้องสูญเสียอีกกี่ชีวิตก่อนที่เราจะควบคุมไวรัสได้”