รัฐพร้อมรับมือผู้สูงวัย “ไทย-เทศ” ล้นเมือง
รัฐไม่หวั่นไทยขึ้นชั้นเป็นประเทศปลายทางผู้สูงวัยนานาชาติ เชื่อส่วนใหญ่รวยและมีเอกชนดูแลโดยตรง รมว.พัฒนาสังคมลั่น! พร้อมอุปถัมภ์กลุ่มยากจนและด้อยโอกาสในสังคม คาดอีก 3 ปีสู่สังคมสูงอายุเต็มรูปแบบ เชื่อทะลุ 15 ล้านคน ย้ำเตรียมพร้อมรับมือแล้ว ระบุการจัดงาน Inter Care Asia 2018 คืออีกความร่วมมือรัฐและเอกชนรับภาวะสูงอายุล้นเมือง
พล.อ.อนันตพร กาญจนรัตน์ รมว.พัฒนาสังคม กล่าวถึงสถานการณ์ที่ไทยจะเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างสมบูรณ์ในอีก 3 ปีข้างหน้าว่า รัฐบาลได้เตรียมการเรื่องนี้มาตั้งแต่ปี 2557 นับแต่การจ่ายเบี้ยผู้สูงอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป การจัดเตรียมโรงเรียนผู้อายุในระดับตำบลทั่วประเทศ โดยมอบหมายให้ อบต.แต่ละแห่งดูแล และรัฐบางคอยทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงให้คำปรึกษา รวมถึงจัดงบประมาณสนับสนุน นอกจากนี้ยังประสานความร่วมมือไปยังทุกฝ่ายทั้งภาครัฐและเอกชน รวมถึงต่างประเทศ เพื่อเตรียมความพร้อมในเรื่องดังกล่าว
ส่วนกรณีที่หลายฝ่ายตั้งข้อสังเกตุว่า ไทยจะกลายเป็นประเทศปลายทางที่มีผู้สูงอายุจากนานาชาติเข้ามาพักอาศัยนั้น เรื่องนี้มีให้เห็นมานานแล้ว แต่ส่วนใหญ่จะเป็นผู้สูงอายุที่มีฐานะดี และเข้ามาอยู่ในการดูแลของภาคเอกชน ในส่วนของรัฐบาลคงเน้นดูแลผู้สูงอายุที่มีฐานะยากจนและด้อยโอกาสในสังคม ซึ่งการจัดงาน Inter Care Asia 2018 นี้ ถือเป็นอีกความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนที่จะเข้าเสริมและเติมเต็มการดูแลผู้สูงอายุที่นับวันจะมีมากขึ้น
ทั้งนี้ จากตัวเลขสถิติพบว่า ปัจจุบันไทยมีผู้สูงอายุราว 11 ล้านคน หรือ 15% ของจำนวนประชากร แต่ในอีก 3 ปีข้างหน้าจะมีถึง 20% หรือราว 14-15 ล้านคน และในปี 2568 จะมีตัวเลขผู้สูงอายุมากถึง 28%หรือราว 20 ล้านคน
“รัฐบาลสนับสนุนการลงทุนเพื่อยกระดับคุณภาพและบริการที่มันสมัยเพิ่มมากขึ้น โดยสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี) ได้ให้การส่งเสริมการลงทุนแก่อุตสาหกรรมการแพทย์ครบวงจรในพื้นที่อีอีซี ทั้งการผลิตอาหารทางการแพทย์ การผลิตเครื่องมือแพทย์และชิ้นอุปกรณ์ทางการแพทย์ รวมถึงบริการทางการแพทย์ที่มีเทคโนโลยีและนวัตกรรมทันสมัย ทั้งหมดเพื่อเตรียมความพร้อมกับเรื่องนี้โดยตรง” รมว.พัฒนาสังคม ย้ำ
นางธนาภรณ์ พรมสุวรรณ อธิบดีกรมกิจการผู้สูงอายุ กล่าวว่า กรมฯมีหน้าที่สงเสริมและพัฒนาศักยภาพผู้สูงอายุ ทั้งด้านสวัสดิการ การคุ้มครองพิทักษ์สิทธิ และเตรียมความพร้อมประชากรสู่สูงวัยอย่างมีคุณภาพ จึงกำหนดโรดแมปด้านนวัตกรรมตลอดปีนี้ ภายใต้โครงการ “ผู้สูงวัย ก้าวไกล ไทยแลนด์ 4.0” และการเข้าร่วมจัดงาน Inter Care Asia 2018 นี้ เพื่อมุ่งเน้นให้ทุกภาคส่วนได้ร่วมกันขับเคลื่อนงานพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุไปในทิศทางเดียวกัน และส่งเสริมให้ผู้สูงอายุเข้าถึงเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่เหมาะสมอย่างแพร่หลายและทั่วถึง
ด้านนายสืบพงศ์ สมิตทันต์ ผอ.กลุ่มโครงการ บริษัท เอ็น. ซี. ซี. เอ็กซิบิชั่น ออากาไนซ์ จำกัด (นีโอ) ผู้จัดงานนี้เป็นปีที่ 3 กล่าวว่า บริษัทฯมีเป้าหมายในการเตรียมความพร้อมเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ และสร้างโอกาสแก่ผู้ประกอบการในธุรกิจสำหรับผู้สูงอายุให้สามารถเติบโตและสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจ คาดว่าจะมีผู้เข้าชมงานตลอด 3 วัน (12-14 ก.ค.) มากกว่า 5,000 คน และมีการซื้อขายสินค้าในงานฯ ไม่น้อยกว่า 700 ล้านบาท
“นอกจากผู้ประกอบการไทยแล้ว ยังมีสินค้านวัตกรรมจากจีน เกาหลี และญี่ปุ่นมาร่วมในงานด้วย โดยมีทั้งหมด 180 บูธ แบ่งเป็น 5 โซน เช่น กลุ่มอุปกรณ์และเครื่องมือดูแลผู้สูงอายุ, กลุ่ม่วยเหลือและปกป้อง, กลุ่มท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ, กลุ่มสินค้าและสถานบริการ และกลุ่มอาหารสำหรับสุขภาพผู้สูงอายุ” นายสืบพงศ์ กล่าว
อนึ่ง การจัดงาน Inter Care Asia 2018 มีขึ้น ณ ฮอลล์ 106 ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทคบางนา.