ยุโรปอนุมัติวัคซีนโควิดของ ‘J&J ’
บรัสเซลส์ : เมื่อวันที่ 11 มี.ค. ยุโรปอนุมัติรับรองวัคซีนต้านโควิด-19 โดสเดียวของบริษัทจอห์นสัน & จอห์นสัน เปิดทางให้มีการจัดส่งวัคซีนโดสแรกได้ภายในเดือนนี้ เนื่องจากยุโรปต้องการเร่งโครงการฉีดวัคซีนและเพิ่มปริมาณวัคซีน
วัคซีนตัวนี้จะเป็นวัคซีนตัวที่ 4 ที่ผ่านการอนุมัติรับรองเพื่อใช้งานในสหภาพยุโรป ตามหลังวัคซีนของไฟเซอร์-ไบออนเทค , แอสตราเซเนกา – ม.ออกซ์ฟอร์ด และโมเดอร์นา และแนะนำให้ใช้สำหรับผู้ที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป องค์การยายุโรป หรือ EMA ระบุ โดยเป็นวัคซีนโควิด-19 ที่เป็นวัคซีนโดสเดียวตัวแรก
ทั้งนี้ สหรัฐฯ แคนาดา และบาห์เรน ยังได้อนุมัติวัคซีนตัวนี้ด้วย ขณะที่แอฟริกาใต้กำลังดำเนินการพิจารณาอนุมัติอยู่
“ ด้วยความเห็นในเชิงบวกล่าสุด ทำให้รัฐบาลทั่วสหภาพยุโรปจะมีอีกหนึ่งทางเลือกเพื่อต่อสู้กับโรคระบาด และเพื่อปกป้องชีวิตและสุขภาพของพลเมือง” เอเมอร์ คุก ผอ.EMA ระบุหลังจากทางหน่วยงานให้การอนุมัติวัคซีน
โดยความเห็นให้มีการอนุมัติวัคซีนตัวนี้มาจากคณะกรรมาธิการยุโรปในขั้นตอนสุดท้าย
ภูมิภาคยุโรปมีความยุ่งยากในการควบคุมโควิด-19 เนื่องจากมีจำนวนผู้ติดเชื้อมากขึ้นจากไวรัสกลายพันธุ์ โดยมีหลายประเทศ รวมทั้งอิตาลีและฝรั่งเศสที่มีการประกาศมาตรการล็อกดาวน์ล่าสุด
พอล สตอฟเฟลส์ หัวหน้าฝ่ายวิทยาศาสตร์ของ J&J ระบุว่า เป็นช่วงเวลาสำคัญสำหรับผู้ผลิตยาในสหรัฐฯและในโลก หลังจากรัฐบาลหลายประเทศต้องดิ้นรนเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสซึ่งสั่นคลอนเศรษฐกิจและคร่าชีวิตผู้คนทั่วโลกไปกว่า 2.7 ล้านคน
โดยวัคซีน ซึ่งมีชื่อว่าวัคซีน Janssen ตามชื่อบริษัทย่อยของ J&J ที่พัฒนาวัคซีนตัวนี้ จะช่วยให้อียูมีซัพพลายวัคซีนมากเพียงพอ หลังจากการจัดส่งวัคซีนจากไฟเซอร์และแอสตราเซเนกามีความล่าช้า
บริษัทระบุว่า จะมีการจัดส่งวัคซีนล็อตแรกในช่วงครึ่งหลังของเดือนเม.ย. โดยเสริมว่า จะจัดส่งให้อียูได้อย่างน้อย 200 ล้านโดสในปีนี้
ยังไม่มีความชัดเจนเกี่ยวกับจำนวนวัคซีนที่แท้จริงในตอนนี้ และบริษัทผู้ผลิตจากสหรัฐฯ แห่งนี้ได้แจ้งกับทางอียูว่า กำลังประสบปัญหาด้านซัพพลาย ที่อาจกระทบกับกับแผนที่จะจัดส่งวัคซีนให้ได้ 55 ล้านโดสครบถ้วนภายในไตรมาส 2
โรงงานผลิตของ J&J ในเนเธอร์แลนด์ และโรงงานในบัลติมอร์ในสหรัฐฯ ซึ่งดำเนินการโดยบริษัท Emergent BioSolutions ได้รับอนุมัติจากหน่วยงานที่กำกับดูแลด้านยาให้เป็นผู้ผลิตวัตถุดิบในการผลิตวัคซีน
เมื่อช่วงต้นปี หลายประเทศในอียูตั้งคำถามเกี่ยวกับโครงข่ายและสัญญากับอียู ซึ่งกำหนดให้ต้องส่งวัคซีนที่ผลิตในโรงงานดัตช์ไปที่สหรัฐฯเพื่อบรรจุขวด ก่อนที่จะส่งกลับมาอียู
ข่าวการอนุมัติวัคซีนของ J&J มีขึ้นในช่วงเวลาที่นอร์เวย์และเดนมาร์กประกาศระงับการใช้วัคซีนของแอสตราเซเนกา หลังได้รับรายงานการเกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตันในบางคนหลังฉีดวัคซีน
จากการทดสอบกับอาสาสมัครทั่วโลก 44,000 คน พบว่าวัคซีนของ J&J มีประสิทธิภาพ 66% และป้องกันไม่ให้ติดเชื้อโควิด-19 ได้ภายใน 4 สัปดาห์หลังฉีดวัคซีน มีประสิทธิภาพ 100% ในการป้องกันไม่ต้องรักษาตัวในโรงพยาบาลหรือเสียชีวิตจากไวรัส จากแถลงการณ์เมื่อวันที่ 11 มี.ค. EMA ระบุว่า พบว่าวัคซีนมีประสิทธิภาพ 67% สองสัปดาห์หลังฉีดวัคซีน
แม้วัคซีนของคู่แข่งจะมีตัวเลขประสิทธิภาพสูงกว่า แต่วัคซีนของ J&J จะช่วยหนุนซัพพลายวัคซีนที่มีน้อยในอียูและทำให้การฉีดวัคซีนง่ายขึ้นได้ เพราะเป็นวัคซีนที่ฉีดเพียงโดสเดียว และไม่จำเป็นต้องจัดส่งในอุณหภูมิเย็นจัด