ไฟเขียว 24 โครงการ ใช้เงินกู้ 1 ล้านล้าน
ครม.อนุมัติ 24 โครงการใช้เงินกู้ตาม พ.ร.ก.กู้เงินโควิด-19 พร้อมมอบหมายให้ ททท.ทบทวนโครงการเราเที่ยวด้วยกัน รับทราบความคืบหน้า โครงการพ.ร.ก.กู้เงิน 209 โครงการ มี 141 โครงการเบิกจ่ายต่ำกว่าร้อยละ 10 ขีดเส้น 30 เม.ย.ไม่ลงนามผูกพันสัญญาให้ยุติโครงการ
เมื่อวันที่ 9 มี.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คณะรัฐมนตรี(ครม.) อนุมัติโครงการพัฒนาระบบสื่อสารสั่งการศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุขระดับกระทรวง และระดับเขตสุขภาพเป็น SmartEOC เพื่อรองรับภาวะฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 1019(โควิด-19) ของสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข กรอบวงเงิน 89.90 ล้านบาท พร้อมอนุมัติโครงการภายใต้แผนงานหรือโครงการที่มีวัตถุประสงค์ทางการแพทย์และสาธารณสุขเพื่อแก้ปัญหาการระบาดของโรคโควิด-19 จำนวน 20 โครงการ กรอบวงเงิน 665.08 ล้านบาท และอนุมัติโครงการภายใต้แผนงานหรือโครงการที่เกี่ยวข้องกับการวิจัยจำนวน 3 โครงการกรอบวงเงินไม่เกิน 44.57 ล้านบาท ตามผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ตามพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) พ.ศ.2563
นอกจากนี้ ครม.ยังได้เห็นชอบ ตามที่คณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้เสนอ โดยมอบหมายให้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยปรับปรุงหรือทบทวนโครงการเราเที่ยวด้วยกันดังนี้ 1.ยกเลิกเงินสนับสนุนจากภาครัฐในส่วน E-voucher หรือกำหนดมูลค่า E-voucher ให้มีความเชื่อมโยงกับมูลค่าห้องพัก เช่น ร้อยละ 40 ของราคาห้องพัก 2.กำหนดแนวทางป้องกันการทุจริต ที่จะช่วยให้เกิดความมั่นใจว่าจะสามารถดำเนินการได้อย่างเป็นรูปธรรม โดยในกรณีที่จำเป็นต้องมีการพัฒนาระบบต่างๆ เช่น ระบบสแกนใบหน้า จำเป็นต้องหารือและเตรียมความพร้อมกับธนาคารกรุงไทยให้ชัดเจนทั้งในส่วนของกรอบระยะเวลาและแผนผังแสดงวิธีการใช้สิทธิ์โครงการ เพื่อใช้ในการประชาสัมพันธ์ให้กับประชาชนที่จะใช้สิทธิ์ให้มีความเข้าใจและป้องกันความสับสน 3.ยกเลิกเงื่อนไขที่มอบหมายให้กระทรวงการคลัง โดยสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง เป็นผู้กำหนดหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และคุณสมบัติของผู้มีสิทธิ์ได้รับเงินตามโครงการ และดำเนินการเบิกจ่ายเงินโดยวิธีเบิกจ่ายแทนกัน เพื่อให้การดำเนินการเป็นไปอย่างมีเอกภาพ และช่วยให้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยมีความคล่องตัวในการดำเนินโครงการเพิ่มขึ้น
ขณะเดียวกันในกรณีที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย พิจารณาแล้วว่าการดำเนินการปรับปรุงหรือทบทวนโครงการเราเที่ยวด้วยกัน อาจจะไม่สามารถดำเนินการป้องกันการทุจริตได้ เห็นควรให้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยดำเนินโครงการเฉพาะในส่วนการเลื่อนการใช้สิทธิ์ที่พักและค่าโดยสารสำหรับผู้ที่ได้สิทธิ์โครงการแล้วภายในวันที่ 30 เมษายน 2564 และเร่งดำเนินคดีกับผู้ที่กระทำการทุจริตอย่างเข้มงวด พร้อมทั้งพิจารณาจัดทำข้อเสนอโครงการที่จะสามารถช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจภาคการท่องเที่ยวได้อย่างมีประสิทธิภาพและป้องกันไม่ให้เกิดการฉวยโอกาสจากโครงการในทางที่มิชอบได้
นอกจากนี้ครม.ยังเห็นชอบการปรับปรุงรายละเอียดของโครงการที่เป็นสาระสำคัญของโครงการ ม.33 เรารักกัน โดยมีข้อเสนอที่จะให้ขยายเวลาการยืนยันตัวตนจากเดิมภายในวันที่ 11 เมษายน 2564 เป็นภายในวันที่ 15 พฤษภาคม 2564 พร้อมทั้งมอบหมายให้สำนักงานประกันสังคมเร่งประชาสัมพันธ์ให้ผู้ที่ได้รับสิทธิ์เร่งเข้าร่วมยืนยันตัวตนผ่านช่องทางที่กำหนด และใช้จ่ายตามที่กำหนดไว้ เพื่อให้การดำเนินโครงการเป็นไปตามวัตถุประสงค์ และมีส่วนช่วยในการกระตุ้นการใช้จ่ายภายในประเทศ
ครม.ยังได้รับทราบรายงานผลการดำเนินโครงการที่ได้รับอนุมัติจากครม.ให้ใช้จ่ายจากเงินกู้ตามพระราชกำหนดฯ โดยพบว่ามีผลการเบิกจ่ายต่ำกว่าร้อยละ 10 จำนวน 141 โครงการ จากทั้งหมด 209 โครงการ พร้อมทั้งมอบหมายให้หน่วยงานที่ดูแล 209 โครงการ เร่งดำเนินโครงการโดยเร็ว โดยกำหนดเงื่อนไขว่า หากหน่วยงานไม่สามารถลงนามผูกพันสัญญาในโครงการที่ต้องมีการจัดซื้อจัดจ้าง หรือไม่มีแผนการใช้จ่ายในส่วนของงบดำเนินการที่ชัดเจนภายในวันที่ 30 เมษายน 2564 เห็นควรให้ยุติการดำเนินโครงการและรายงานเงินกู้เหลือจ่ายให้สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะทราบพร้อมทั้งส่งคืนเงินกู้เหลือจ่ายตามระเบียบต่อไป