จีนตั้งเป้าจีดีพีโตเกิน 6% ปีนี้
ปักกิ่ง : เมื่อวันที่ 5 มี.ค. รัฐบาลจีนประกาศตั้งเป้าตัวเลขเติบโตทางเศรษฐกิจ หรือจีดีพีสูงเกิน 6% และรับปากว่าจะสร้างงานให้มากขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา โดยจีนมีแผนผลักดันเศรษฐกิจของประเทศให้พ้นจากผลกระทบของโควิด-19 โดยเร็ว
ในปี 2563 จีดีพีของจีนหดตัวลงเป็นครั้งแรก นับตั้งแต่ปี 2545 เป็นต้นมา เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดสั่นคลอนเศรษฐกิจอย่างรุนแรง
โดยจีดีพีของจีนขยายตัวเติบโตเพียง 2.3% ในปีที่แล้ว อ่อนแรงที่สุดในรอบ 44 ปี แต่ทำให้จีนยังเป็นประเทศมหาอำนาจทางเศรษฐกิจเพียงประเทศเดียวที่เศรษฐกิจเติบโต
“เป้าหมายโดยทั่วไปคือ อัตราการเติบโตของจีนจะสูงเกิน 6% ในปีนี้” นายกรัฐมนตรีหลี่เค่อเฉียงระบุในรายงานการทำงานปี 2564 ของเขา “ในการตั้งเป้าหมายนี้ เราได้พยายามเข้าสู่โหมดฟื้นฟูกิจกรรมทางเศรษฐกิจ”
แต่ตัวเลขของรัฐบาลปี 2564 เห็นชัดว่าต่ำกว่าการประเมินของนักวิเคราะห์ ซึ่งคาดการณ์ว่าตัวเลขเติบโตจะสูงถึง 8% ในปีนี้
ในแผนเศรษฐกิจที่มีการเผยแพร่เมื่อวันที่ 5 มี.ค. จีนไม่ได้ตั้งเป้าการเติบโตของจีดีพีสำหรับปี 2564 – 2568 เมื่อเทียบกับตัวเลขจีดีพี 6.5% ที่ระบุในแผนปี 2559 – 2563
จีนไม่มีแผนจะออกพันธบัตรกระทรวงการคลังพิเศษในปีนี้ หลังจากเคยออกเป็นครั้งแรกในปีที่แล้วเพื่อสนับสนุนส่งเสริมเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19
และรัฐบาลตั้งเป้าว่าจะคุมอัตราเงินเฟ้อการใช้จ่ายของผู้บริโภคให้อยู่ต่ำกว่า 3%
รัฐบาลระบุว่า จะคงอัตราการเติบโตเฉลี่ยในช่วง 5 ปีข้างหน้าให้เป็นตัวเลขที่สมเหตุผล
โดยอัตราการเติบโตรายปีของรายได้ส่วนบุคคลต่อหัวประชากรในช่วง 5 ปีข้างหน้า จะสอดคล้องกับการเติบโตของจีดีพี เมื่อเทียบกับเป้าหมายปี 2559 -2563 :ซึ่งอยู่สูงกว่า 6.5% อ้างอิงจากแผน
ไม่มีการตั้งเป้าหมายการสร้างงานในช่วง 5 ปีหน้าด้วย โดยรัฐบาลระบุว่า จะคงอัตราการว่างงานที่อ้างอิงจากผลสำรวจประชากรในเมืองของจีนไว้ให้ต่ำกว่า 5.5%
ทั้งนี้ ในแผนพัฒนาเศรษฐกิจช่วง 5 ปีก่อนหน้านี้ จีนตั้งเป้าจะเพิ่มงานในเมืองให้ได้ 50 ล้านอัตรา
อย่างไรก็ตาม จีนมีแผนจะเพิ่มการทำวิจัยและพัฒนาการใช้จ่ายรายปีให้ได้กว่า 7% ทุกปีจนถึงปี 2568 โดยเน้นที่การยึดมั่นกับภาคส่วนเทคโนโลยีล้ำหน้า เนื่องจากจีนมีปัญหาความขัดแย้งกับสหรัฐฯและประเทศอื่นๆ หลายประเทศเกี่ยวกับนโยบายเทคโนโลยี