บลจ.เกียรตินาคินภัทรเสนอขายกองทุน KKP G-THEME-H-SSF
บลจ.เกียรตินาคินภัทร เพิ่มทางเลือกในการลงทุน เปิดเสนอขายกองทุนเปิดเคเคพี G-THEME-H ชนิดเพื่อการออม (SSF)
นายยุทธพล ลาภละมูล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน เกียรตินาคินภัทร จำกัด (บลจ. เกียรตินาคินภัทร) เปิดเผยว่าตั้งแต่วันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2564 เป็นต้นไป บลจ.เกียรตินาคินภัทร จะเปิดเสนอขายหน่วยลงทุนชนิดเพื่อการออม หรือ SSF ของ กองทุนเปิดเคเคพี GLOBAL THEMATIC OPPORTUNITIES – HEDGED (KKP G-THEME-H) ซึ่งเป็นกองทุนที่ลงทุนในต่างประเทศ แบบ Fund of Funds ลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนต่างประเทศหลายกองทุน
กลยุทธ์การลงทุนของกองทุนนี้ จะรวบรวมหลากหลายธีมการลงทุนที่โดดเด่นในระยะยาวไว้ในกองทุนเดียว ยกตัวอย่างเช่น ธีมการลงทุนที่เกิดจากแนวโน้ม(Trend)การเปลี่ยนแปลงสำคัญของโลก เช่น การเติบโตของธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี การเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ การใส่ใจด้านสิ่งแวดล้อม เป็นต้น
การเปิดเสนอขายกองทุน KKP G-THEME-H หน่วยลงทุนชนิดเพื่อการออม (KKP G-THEME-H-SSF) เป็นการเพิ่มนโยบายการลงทุนของกองทุนในกลุ่มหน่วยลงทุนชนิดเพื่อการออมให้ครอบคลุมมากขึ้นจากเดิมที่มีอยู่ 10 กองทุน เพื่อเป็นการเพิ่มทางเลือกในการลงทุนให้กับผู้ลงทุน ช่วยให้ผู้ลงทุนสามารถกระจายการลงทุนในทรัพย์สินที่หลากหลาย และผสมผสานจัดพอร์ตการลงทุนได้ตามระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้และตอบสนองต่อเป้าหมายการลงทุนระยะยาว
“สำหรับมุมมองการลงทุน ดัชนีตลาดหุ้นโลก MSCI AC World ปรับตัวเพิ่มขึ้น ร้อยละ 4.52 นับตั้งแต่ต้นปี 2564 ต่อเนื่องจากปีก่อนที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 14.33 เนื่องจากมีปัจจัยบวกหลายประการเกิดขึ้นในช่วงปลายปีก่อนต่อเนื่องถึงต้นปีนี้ ได้แก่ การเริ่มผลิตและแจกจ่ายวัคซีน COVID-19 ในหลายประเทศ ผลการเลือกตั้งของสหรัฐอเมริกาที่ทางพรรคเดโมเครตได้เสียงข้างมากในทั้งสอง สภาช่วยให้การออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจทางการคลังของสหรัฐฯ มีแนวโน้มง่ายขึ้นและมีมูลค่าสูงกว่าที่เคยคาดการณ์ไว้ในสมัยประธานาธิบดีโดนัล ทรัมป์ ส่งผลให้ตลาดคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจโลกจะฟื้นตัวได้ดีขึ้นและมีแนวโน้มที่อัตราเงินเฟ้อจะปรับเพิ่มสูงขึ้น กระแสเงินลงทุนจึงไหลออกจากสินทรัพย์ความเสี่ยงต่ำ อย่างเช่น เงินสดและทองคำ เข้าสู่ตลาดหุ้นโลก
ทั้งนี้ บลจ.เกียรตินาคินภัทร มองว่าการลงทุนในตลาดหุ้นโลก โดยเฉพาะการลงทุนในหุ้นกลุ่มที่ได้รับประโยชน์จากรูปแบบการบริโภคและเศรษฐกิจแนวใหม่ในระยะยาว มีแนวโน้มที่จะเติบโตต่อเนื่องได้ เนื่องจากประมาณการผลการดำเนินงานของบริษัทในหุ้นกลุ่มดังกล่าวยังคงมีอัตราการเติบโตระยะยาวที่ดีกว่ากลุ่มธุรกิจแนวเก่า ประกอบกับสภาพคล่องในระบบที่มีอยู่สูงและแนวโน้มกระแสเงินลงทุนไหลเข้าสู่สินทรัพย์เสี่ยงตามแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกจะยังคงสนับสนุนตลาดหุ้นโลกให้ปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องได้ ” นายยุทธพล กล่าว