จับกลุ่มอ่อนไหว! ใช้เงิน“เราชนะ”ผ่านบัตรปปช.
“คลัง-กรุงไทย” ต่อยอดใช้จ่ายเงินโครงการเราชนะผ่าน “บัตรประชาชน” ได้แล้ว ย้ำ! ทดลองใช้กับกลุ่ม “ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ” ราว 2.5 ล้านคนก่อน ส่วนอนาคตจะขยายผลไปทั่วประเทศหรือไม่? ขึ้นกับนโยบายรัฐ เช็ดด่วน! “ไทม์ไลน์” การลงทะเบียนของกลุ่มเข้าไม่ถึงเน็ต ไร้มือถือ สูงวัย พิการ และคนติดเตียง
ฝันเป็นจริง! บัตรประจำประชาชนแบบ “สมาร์ทการ์ด” ใช้จ่ายเงินเป็นค่าสินค้าและบริการครั้งแรกของประเทศไทย หลังจาก กระทรวงการคลังและธนาคารกรุงไทย ร่วมกันพัฒนาและต่อยอดเทคโนโลยีการใช้บัตรประจำตัวประชาชน พร้อมการ “ถ่ายรูปใบหน้า + รหัส PIN 6 หลัก” เพื่อยืนยันตัวตนก่อนใช้จ่าย
กลุ่มแรกที่จะได้ใช้สิทธิในโครงการ “เราชนะ” ผ่านบัตรประจำประชาชน “สมาร์ทการ์ด” “กลุ่มที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ” หรือ กลุ่มที่มีความอ่อนไหวสูง เช่น ไม่สามารถเข้าถึงระบบอินเทอร์เน็ต ไม่มีสมาร์ทโฟนทำให้ไม่สามารถใช้งานแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” ได้ ผู้ที่อยู่ในภาวะพึ่งพิง อาทิ ผู้สูงอายุ ผู้พิการทุพพลภาพ ผู้ป่วยติดเตียงที่ไม่สามารถเดินทางไปลงทะเบียนเองหรือเดินทางไปใช้จ่ายวงเงินสิทธิ์ที่ได้รับผ่านแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” ได้ เป็นต้น
น.ส.กุลยา ตันติเตมิท ผู้ตรวจราชการกระทรวงการคลัง รักษาราชการแทน ผอ.สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง ระบุว่า ขณะนี้ ยังต้องรอการยืนยันของคนกลุ่มนี้ว่ามีจำนวนเท่าใด ทั้งนี้ จากการประเมินเบื้องต้น หักกลุ่มผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ กลุ่มเป๋าตัง และกลุ่มที่ไม่มีฐานข้อมูลฯ รวมกันราว 28.5 ล้านคน ออกจากเป้าหมายที่รัฐบาลตั้งไว้ที่ 31 ล้านคน พบว่าจะมีตัวเลขกลุ่มคนที่จะใช้จ่ายผ่านบัตรประจำตัวประชาชนราว 2 ล้านคนเศษ อย่างไรก็ตาม คงต้องรอดูตัวเลขที่แท้จริงอีกที
“เรื่องการใช้บัตรประจำตัวประชาชนเพื่อใช้จ่ายเงินในโครงการเราชนะ จะต้องผ่านความเห็นชอบของคณะรัฐ มนตรี ซึ่งช่วงบ่ายวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2564 ทางคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ 1 ล้านล้านบาท กำลังพิจารณาอนุมัติ คาดว่าจะนำเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในสัปดาห์หน้า” โฆษกกระทรวงการคลัง ระบุ
สำหรับ การเปิดรับลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการเราชนะของกลุ่มที่ต้องการความขเป็นพิเศษ นั้น สามารถลงทะเบียนได้ระหว่างวันที่ 15 – 25 กุมภาพันธ์ 2564 ณ สาขาธนาคารกรุงไทย หรือจุดบริการเคลื่อนที่รับลงทะเบียน ที่ได้ขอความร่วมมือจากกระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ดำเนินการร่วมกับธนาคารกรุงไทยเพื่ออำนวยความสะดวกในการลงพื้นที่รับลงทะเบียนให้แก่บุคคลกลุ่มดังกล่าว
เบื้องต้นประชาชนกลุ่มดังกล่าว ต้องนำบัตรประชาชนแบบสมาร์ทการ์ด ไปใช้ประกอบการลงทะเบียนขอรับสิทธิ์โครงการฯ โดยต้องพิสูจน์และยืนยันตัวตนโดยการเสียบบัตรประจำตัวประชาชน (Dip Chip) ผ่านเครื่องรูดบัตรอิเล็กทรอนิกส์ (EDC) พร้อมกำหนดรหัส (PIN Code) ได้ที่สาขาของธนาคารกรุงไทย หรือจุดบริการที่ธนาคารกรุงไทยกำหนด ทั้งนี้ ประชาชนที่ผ่านการคัดกรองคุณสมบัติและได้รับอนุมัติวงเงินสิทธิ์จะได้รับวงเงินสิทธิ์สนับสนุนเป็นรายสัปดาห์ จำนวนไม่เกิน 3,500 บาทต่อเดือน เป็นระยะเวลา 2 เดือน โดยสามารถใช้จ่ายวงเงินผ่านบัตรประจำตัวประชาชน
สำหรับ กลุ่ม “เป๋าตัง” และกลุ่มลงทะเบียนฯทางเว็บไซต์ www.เราชนะ.com แล้วพบว่า “ไม่ผ่านการคัดกรองคุณสมบัติ” สามารถยื่นขอทบทวนสิทธิ์ผ่านทางเว็บไซต์ www.เราชนะ.com ได้ ส่วนกลุ่มผู้ที่ไม่ผ่านคุณสมบัติเรื่องเงินได้พึงประเมิน และมีความประสงค์ให้ตรวจสอบข้อมูลเงินได้พึงประเมินในปีภาษี 2563 ต้องยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาของปีภาษี 2563 ผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ตของกรมสรรพากรภายใน 7 วัน นับแต่วันที่ยื่นขอทบทวนสิทธิ์ แต่ต้องไม่เกินวันที่ 8 มีนาคม สำหรับผู้ที่ได้ยื่นขอทบทวนสิทธิ์ตั้งแต่วันที่ 8 – 9 กุมภาพันธ์ 2564 จะต้องยื่นแบบฯ ภายในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2564
โฆษกกระทรวงการคลัง ย้ำว่า ที่ผ่านมาพบประชาชนหรือร้านค้าที่ใช้จ่ายวงเงินสิทธิ์ผิดวัตถุประสงค์ของโครงการฯ จึงประสานไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อติดตาม ตรวจสอบ และดำเนินการทางกฎหมายในประเด็นดังกล่าวแล้ว หากตรวจสอบพบว่า มีการกระทำผิดเงื่อนไขจริง จะระงับการใช้แอปพลิเคชัน “ถุงเงิน” ของร้านค้าตลอดจนระงับการจ่ายเงินให้กับร้านค้าทันที รวมถึงระงับการใช้แอปพลิเคชั่น “เป๋าตัง” ด้วย และจะดำเนินการตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป
ด้าน นายผยง ศรีวณิช กก.ผจก.ใหญ่ ธนาคารกรุงไทย กล่าวว่า ธนาคารฯได้เริ่มพัฒนาระบบการใช้จ่ายเงินผ่านบัตรประจำประชาชนแบบ “สมาร์ทการ์ด” มาตั้งแต่เริ่มใช้จ่ายบัตรสวัสดิการแห่งรัฐมาสักระยะหนึ่งแล้ว โดยเฉพาะในพื้นที่ที่ไม่มีเครื่อง ECD ใช้ ทั้งนี้ ขอยืนยันว่าแม้จะเป็นการใช้จ่ายผ่านบัตรประจำประชาชนครั้งแรก แต่ระบบก็มีความปลอดภัยที่สูง
สำหรับเงินที่ภาครัฐจะโอนให้กับ “กลุ่มที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ” ครั้งแรกในวันที่ 5 มีนาคม จำนวน 4,000 บาท จากนั้นจะโอนให้สัปดาห์ละ 1,000 บาทจนครบวงเงินนั้น ระบบจะโอนเข้าไปใว้ในศูนย์ประมวลผลกลาง ไม่ได้โอนเข้าบัตรประชาชน หรือบัตรอื่นๆ แต่อย่างใด ซึ่งเป็นการดำเนินการที่ได้ทำมาตั้งแต่ต้นแล้ว
ทั้งนี้ การจะต่อยอดนำบัตรประจำประชาชนไปใช้ทดแทนบัตรอื่นๆ หรือไม่นั้น นายผยง กล่าวว่า เป็นเรื่องของอนาคตและนโยบายของรัฐบาล แต่ในส่วนของธนาคารฯจะพัฒนาระบบการชำระเงินผ่านบัตรประจำประชาชนในลักษณะการเรียนรู้ต่อไป
ส่วนกรณีปัญหาการทุจริต ทั้งการใช้สิทธิเกินวงเงินหรือการสมรู้ร่วมคิดระหว่างร้านค้าและผู้ใช้สิทธินั้น เบื้องต้นพบเฉพาะในส่วนของการซื้อสินค้า แต่ยังไม่พบในส่วนของการบริการ โดยพบว่ามีเกี่ยวข้องที่เป็นร้านค้า 152 ร้านค้า และผู้ใช้สิทธิ 167 คน มีการใช้เกินวงเงินกว่า 3 แสนบาท จนเป็นสาเหตุทำให้ธนาคารฯจำต้องปิดระบบเป็นการชั่วคราวเมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ซึ่งหากธนาคารฯไม่ปิดระบบให้เร็วกว่านี้ ความเสียหายจะสูงกว่านี้ อย่างไรก็ตาม ระบบที่ได้ปรับปรุงในปัจจุบัน พบว่ามีความเสถียรและป้องกันการทุจริตได้เป็นอย่างดี
“ตัวอย่างที่เห็นได้ชัด คือ มีผู้ใช้สิทธิซื้อก๊วยเตี๋ยวกินในทุก 2-5 นาทีต่อชาม กับร้านค้าเดียว จนมีจำนวนการกินสูงถึง 30-40 ชาม ซึ่งเป็นความผิดปกติที่ระบบตรวจได้ไม่ยาก ทั้งนี้ แม้จะมีสร้างช่องทางทุจริตใหม่ ระบบก็สามารถจะตรวจสอบได้ จึงขอความร่วมมือจากทุกฝ่ายได้ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์เงื่อนไขของโครงการเราชนะ” กก.ผจก.ใหญ่ ธนาคารกรุงไทย ย้ำ
อนึ่ง กระทรวงการคลังขอความร่วมมือประชาชนรักษาสิทธิ์ของตนเอง และขอให้ร้านค้าและประชาชนปฏิบัติตามหลักเกณฑ์เงื่อนไขของโครงการฯ สำหรับประชาชนที่พบเห็นพฤติกรรมที่ไม่เป็นไปตามเงื่อนไขของโครงการฯ สามารถแจ้งเบาะแส รวมถึงส่งหลักฐานเกี่ยวกับการกระทำผิดเงื่อนไขโครงการฯ ถึง “คณะทำงานพิจารณาตรวจสอบข้อมูลและเรื่องร้องเรียนสำหรับโครงการฯ” ทางไปรษณีย์มาได้ที่สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กระทรวงการคลัง ถนนพระราม 6แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กรุงเทพฯ 10400 หรือทางไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ (e-Mail Account) wewin@fpo.go.th.