ธอส.โชว์ผลงานปี’63 พร้อมตั้งเป้าปี’64 โตได้อีก!
ธอส. โชว์ผลงานสุดแกร่ง ปี’63 ช่วยคนไทยมีบ้านง่ายขึ้น เผย! ปล่อยสินเชื่อใหม่ 2.2 แสนล้านบาท โต 4.57% มากสุดในรอบ 67 ปี แถมสูงกว่าเป้าหมายกว่า 1.57 หมื่นล้านบาท ลั่น! ตั้งเป้าหมายปีนี้ โตอีก 3% ภายใต้แผนยุทธศาสตร์ มุ่งยกระดับบริการสู่ Digital Service Bank
นายฉัตรชัย ศิริไล กก.ผจก. ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) กล่าวถึงผลการดำเนินงานในปี 2563 เทียบปี 2562 ว่า แม้มีปัญหาการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่กระทบต่อภาพรวมเศรษฐกิจไทย แต่ธนาคารฯยังสร้างโอกาสให้คนไทยมีบ้านอย่างต่อเนื่อง โดยมีเงินสินเชื่อปล่อยใหม่สูงสุดในรอบ 67 ปีที่ 225,151 ล้านบาท 140,386 บัญชี เพิ่มขึ้น 4.57% สูงกว่าเป้าหมายถึง 15,791 ล้านบาท แบ่งเป็นสินเชื่อปล่อยใหม่สำหรับผู้มีรายได้น้อยและปานกลางวงเงินกู้ไม่เกิน 2 ล้านบาท 88,007 ราย มียอดสินเชื่อคงค้างรวม 1,320,308 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.18%
มีสินทรัพย์รวม 1,399,138 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.41% เงินฝากรวม 1,162,687 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17% และมีหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL)47,572 ล้านบาท คิดเป็น 3.60% ของยอดสินเชื่อรวม ลดลงจากปีก่อน ที่มี NPL อยู่ที่ 4.09% เป็นผลจากการจัดทำมาตรการช่วยเหลือลูกค้าของธนาคารฯที่ได้รับกระทบจากโควิด-19 ตามนโยบายรัฐบาลและธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปี 2563 ทำให้การเกิด NPL อยู่ในอัตราที่ลดต่ำลง
ซึ่งในปี 2563 ธอส. ช่วยเหลือลูกค้าผ่าน 10 มาตรการ สูงสุด 687,489 บัญชี เงินต้นคงเหลือ 576,139 ล้านบาท ธนาคารฯยังได้ทยอยตั้งสำรองเผื่อหนี้สงสัยจะสูญเพิ่ม เพื่อเตรียมความพร้อมรองรับผลกระทบจาก โควิด-19 ในอนาคต และเพื่อรองรับมาตรฐาน TFRS 9 รวม 96,456 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.18% หรือคิดเป็นสัดส่วนต่อ NPL สูงถึง 202.76% สะท้อนให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของธนาคารและความพร้อมในการรองรับผลกระทบจาก COVID-19 ในอนาคต
อย่างไรก็ตาม ปี 2563 ธนาคารฯมีกำไรสุทธิ 10,494 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อน 2,858 ล้านบาท หรือ 21.41% เนื่องจากลดอัตราดอกเบี้ยให้ต่ำลงเพื่อช่วยเหลือลูกค้า ขณะที่อัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง (BIS Ratio) ยังอยู่ที่ระดับแข็งแกร่งมากที่15.30% (ณ พฤศจิกายน 2563) สูงกว่าอัตราเงินกองทุนขั้นต่ำที่ ธปท.กำหนด
“ปัจจัยที่ทำให้ธนาคารฯปล่อยสินเชื่อสูงกว่าเป้าหมายแม้จะเกิดโควิด-19 เพราะนำเงินที่ได้จากการจำหน่ายสลากออมทรัพย์ มาออกผลิตภัณฑ์สินเชื่ออัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่าตลาดและตรงกับความต้องการของลูกค้าแต่ละอาชีพ ทั้งผลิตภัณฑ์ในกลุ่ม Social Solution สำหรับผู้มีรายได้น้อย อาทิ มาตรการสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยของ ธอส. ยอดอนุมัติและทำนิติกรรมสูงสุดถึง 28,540 ล้านบาท โครงการบ้าน ธอส. เราไม่ทิ้งกัน 28,900 ล้านบาท ขณะที่สินเชื่อในกลุ่ม Business Solution สำหรับผู้มีรายได้ระดับปานกลางขึ้นไป” นายฉัตรชัย กล่าวและว่า
ผลิตภัณฑ์ที่มียอดอนุมัติและทำนิติกรรมสูงสุดคือ สินเชื่อ D Plus ไตรมาส 3-4 รวม 21,970 ล้านบา นอกจากนี้ ยังมีแรงส่งจากมาตรการลดค่าธรรมเนียมการโอนและจดจำนองเหลือ 0.01% สำหรับการซื้อขายที่อยู่อาศัยราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท และการทำโปรโมชั่นกระตุ้นการขายของผู้ประกอบการภาคอสังหาริมทรัพย์
สำหรับ ปี 2564 ธนาคารฯยังคงเดินหน้าด้วยแนวคิดหลัก “Be Simple, Make it Simple” หรือการทำให้คนไทยเข้าถึงการมีบ้านได้ง่ายๆ กับ ธอส. สอดคล้องกับพันธกิจ “ทำให้คนไทยมีบ้าน” โดยเตรียมจำหน่ายสลากออมทรัพย์ ธอส. ชุดใหม่ นำมาจัดทำผลิตภัณฑ์สินเชื่ออัตราดอกเบี้ยต่ำ ตั้งเป้าสินเชื่อปล่อยใหม่ 215,641 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3% จากเป้าหมายในปี 2563 และสินเชื่อคงค้างที่ 1,374,116 ล้านบาท
ภายใต้ยุทธศาสตร์สำคัญที่ดำเนินการต่อเนื่องจากปี 2563 คือ การยกระดับบริการธนาคารสู่ Digital Service Bank ในปีนี้ และก้าวไปสู่การเป็น Digital Bank อย่างเต็มรูปแบบในปี 2566 ตาม Roadmap “บันได 3 ขั้น” ด้วยการนำบริการหลักทั้งสินเชื่อและเงินฝากขึ้น Digital Platform เพื่อให้บริการลูกค้าโดยไม่ต้องเดินทางมาที่สาขา พร้อมกับตั้งเป้าลดจำนวนธุรกรรมที่เคาน์เตอร์ภายในสาขาให้เหลือ 5% ของจำนวนธุรกรรมทั้งหมด ส่วนจำนวนธุรกรรมผ่านเครื่องอิเล็กทรอนิกส์ อาทิ ตู้ชำระเงินกู้ LRM หรือ QR Non Cash Payment ที่หน้าสาขาเหลือ 15% และเพิ่มจำนวนธุรกรรมผ่าน Application : GHB ALL เป็น 80% ภายในปี 2565
ปัจจุบันอยู่ระหว่างการพัฒนาโครงการ GHB New Normal Services ในเฟสที่ 3 ซึ่งมีกำหนดให้บริการในเดือนมีนาคม 2564 รวมถึงเดินหน้า โครงการ Virtual Branch หน่วยบริการสินเชื่อไร้ที่ทำการโดยลูกค้าไม่ต้องเดินทางมาที่สาขาแต่ยังคงได้รับบริการเสมือนอยู่ที่สาขา โดยเริ่มดำเนินการอย่างเป็นทางการตั้งแต่วันที่ 13 มกราคม 2564 และมีเป้าหมายปล่อยสินเชื่อใหม่ผ่านโครงการจำนวน 10,000 ล้านบาท
ขณะเดียวกันธนาคารฯยังให้ความสำคัญกับการดูแลให้ความช่วยเหลือลูกค้าที่ได้รับผลกระทบด้านรายได้จากปัญหาโควิด-19 อย่างใกล้ชิดผ่าน “โครงการ ธอส. รวมไทย สร้างชาติ ปี 2564” ด้วย 4 มาตรการ ลดเงินงวดผ่อนชำระ (เงินงวดที่ชำระจะตัดเงินต้นและตัดดอกเบี้ย) นานสูงสุด 6 เดือน โดยเริ่มเปิดให้ลูกค้าลงทะเบียนแจ้งความประสงค์เข้ามาตรการระยะแรก ตั้งแต่วันที่ 15 มกราคม 2564
ล่าสุด ณ วันที่ 28 มกราคม 2564 เวลา 24:00 น. มีลูกค้าลงทะเบียนแจ้งความประสงค์เข้ามาตรการแล้วรวมจำนวนกว่า 102,000 บัญชี เงินต้นคงเหลือ 95,000 ล้านบาท สำหรับลูกค้าที่ไม่เคยเข้าร่วมมาตรการช่วยเหลือใดๆ ธนาคารฯจะเปิดให้ลงทะเบียนแจ้งความประสงค์เข้าร่วมมาตรการที่ 11 ผ่าน Application : GHB ALL ได้ตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2564 เวลา 9.00 น. ถึงวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2564 เวลา 22.00 น. เพื่อลดเงินงวดผ่อนชำระ(เงินงวดที่ชำระจะตัด เงินต้นและตัดดอกเบี้ย) เป็นระยะเวลา 6 เดือน(กุมภาพันธ์-กรกฎาคม 2564)
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ธอส. ทุกสาขาทั่วประเทศ หรือศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์ (Call Center) โทร 0-2645-9000และ Facebook Fanpage ธนาคารอาคารสงเคราะห์.